หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกจากค่าย ลิเวอร์พูล ทำแสบ ลงมาเป็นตัวทีเด็ดเหมาคนเดียว 2 ประตู พาทีมชาติอุรุกวัย เฉือนชนะ ทีมชาติอังกฤษไป 2-1 ในเกมฟุตบอลโลก 2014 นัดที่ 2 ของกลุ่มดี คืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ยังไม่ตกรอบแต่ต้องลุ้นเหนื่อยในเกมสุดท้าย
ฟุตบอลโลก 2014 รอบแรก กลุ่มดี
อุรุกวัย 2-1 อังกฤษ
เกมชี้ชะตาระหว่าง อังกฤษ และ อุรุกวัย ใครแพ้ตกรอบทันที “สิงโตคำราม” เกมนี้ยังไม่เปลี่ยนผู้เล่นจากเกมแรกนำโดย สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เวย์น รูนีย์ ได้กลับมายืนเป็นเพลย์เมกเกอร์ ขณะที่ “จอมโหด” ได้ หลุยส์ ซัวเรซ กลับมายืนคู่กับ เอดินสัน คาวานี ในแดนหน้าอีกครั้ง
เริ่มมาเพียง 5 นาที ซัวเรซ เปิดเตะมุมมาเสาแรก บอลตกพื้น มาร์ติน คาเซเรส จะชาร์ตแต่ไม่โดน โจ ฮาร์ท ยังไวปัดทิ้งออกหลังไป เข้าสู่นาที 10 “สิงโตคำราม” น่าจะได้ประตูออกนำ รูนีย์ ปั่นฟรีคิกบอลโค้งหลุดสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียว นาที 21 เกมของ อุรุกวัย ดีขึ้นและมีลุ้นอีกครั้ง ซัวเรซ เปิดฟรีคิกเรียด คาวานี วิ่งมาซัดเหินคานไปอีก
ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกม เจอร์ราร์ด วางฟรีคิกไปเสาสอง รูนีย์ โถมมาโขกบอลไปชนคานกระดอนออกไปแบบไร้โชค นาที 39 เกมสวนกลับของ “จอมโหด” คาวานี โยนให้ ซัวเรซ แอบมาโขกย้อนทางเข้าไปซุกตาข่ายขึ้นนำ 1-0 ท้ายครึ่งแรก รูนีย์ แทงไปที่วางให้ สเตอร์ริดจ์ กดด้วยซ้ายบอลจะมุดเสาแรก แต่ เฟร์นานโด มุสเลรา ไปทิ้งออกไป
ลงมาครึ่งหลัง เป็นอุรุกวัย บุก คาวานี หลุดมาเอียงตัวกดด้วยขวา บอลหลุดเสาสองออกไปเอง และนาที 53 เลห์ตัน เบนส์ เปิดเรียดมาให้ สเตอร์ริดจ์ ซัดด้วยซ้าย ยังไปติดตัว มุสเลรา อีกรอบ ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมอังกฤษต้องเปลี่ยนตัวเอา รอสส์ บาร์คลีย์ ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิง
หลังเปิดเกมบุกอยู่นาน นาที 75 เกล็น จอห์นสัน ลุยเข้ามาทางขวาก่อนเปิดไปเสาสองให้ รูนีย์ วิ่งเข้ามาชาร์ตจ่อๆ ซุกตาข่าย ไล่มาเป็น 1-1 เข้าช่วง 10 นาทีท้าย ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกัน แต่เป็น ซัวเรซ หลุดขึ้นมากดด้วยขวาเต็มๆ แสกหน้า โจ ฮาร์ท ขยับนำ 2-1 ช่วงที่เหลือ “สิงโตคำราม” แก้คืนไม่ทัน แพ้ไป 1-2 มีโอกาสไม่ได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายสูง ต้องลุ้นในเกมสุดท้าย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อุรุกวัย : เฟร์นานโด มุสเลรา, โฮเซ มาเรีย คิมิเนซ, ดีเอโก โกดิน, มาร์ติน กาเซเรส, อัลวาโร เปเรยรา, อัลวาโร กอนซาเลซ, เอคิดิโอ อเรวาโล ริออส, นิโกลัส โลเดยโร, คริสเตียน โรดริเกซ, หลุยส์ ซัวเรซ, เอดินสัน คาวานี
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท, เกล็น จอห์นสัน, ฟิล จากีลกา, แกรี เคฮิลล์, เลห์ตัน เบนส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ราฮีม สเตอร์ลิง, เวย์น รูนีย์, แดนนี เวลเบ็ค, แดเนียล สเตอร์ริดจ์
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
