คริสเตียโน โรนัลโด หรือ ลิโอเนล เมสซี ได้รับการยกย่องเป็น 2 สุดยอดนักเตะของโลกยุคปัจจุบัน แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่มีวาสนาเพียงพอ สัมผัสแชมป์ ฟุตบอลโลก แม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม กีฬาลูกหนัง หาใช่จะประสบความสำเร็จได้เพียงลำพัง หากพิจารณานักเตะอย่าง สเตฟาน กิวาร์ช หรือ แบร์กนาร์ ดิโอแมด ที่ไม่ได้มีพิษสงน่าเกรงขาม แต่ด้วยการโอบอุ้มจากเพื่อนร่วมชาติ ก็สามารถร่วมฉลองโทรฟี “ฟีฟา เวิลด์ คัพ” ได้เหมือนกัน
7. อแลง โบโกซิยง (ฝรั่งเศส 1998)
เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีส่วนร่วมค่อนข้างน้อย ลงตัวจริงเพียง 1 จาก 5 ทั้งทัวร์นาเมนต์ เนื่องจากพลพรรค “ตราไก่” ยุค ไอเม ฌักเกต์ ประกอบด้วย สตาร์ดังคับคั่ง อาทิ ฟาเบียน บาร์เตซ นายทวาร, โลร็องต์ บล็องก์ กับ มาร์แซล เดอไซญี 2 เซ็นเตอร์แบ็ก, ยูริ จอร์เกฟฟ์ และ ซีเนอดีน ซีดาน 2 เพลย์เมกเกอร์ มิดฟิลด์เลือดน้ำหอม ติดธง ตลอดอาชีพเพียง 26 ครั้ง ยิง 2 ประตู ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ ถล่ม บราซิล 3-0 ในฐานะตัวสำรอง แทน คริสติยง การอมเบอ
6. คริสเตียน ซัคคาร์โด (อิตาลี 2006)
นับตั้งแต่คว้าแชมป์โลก ปี 2006 ก็แทบสาบสูญจากทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ สามารถเล่นได้ทั้งฟูลแบ็ก และ เซ็นเตอร์แบ็ก ถูก มาร์เซลโล ลิปปี เทรนเนอร์ เรียกติดธงด้วยวัยเพียง 24 ปี สัมผัส “เวิลด์ คัพ” เพียง 3 เกม ยิงประตูตัวเอง เป็นเหตุให้ “อัซซูรี” เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 รอบแบ่งกลุ่ม จึงถูกมองข้ามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
5. ลุยเซา (บราซิล 2002)
ใช้ชีวิตค้าแข้งส่วนใหญ่ในบ้านเกิด แต่ก็เคยเสี่ยงโชคในวงการลูกหนังยุโรป ทั้ง เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา (สเปน) กับ แฮร์ธา เบอร์ลิน (เยอรมนี) ติดธงเพียง 17 ครั้ง ผลงานดีสุด ทะลวงตาข่าย 2 ประตู รอบคัดเลือก นัดสุดท้ายกับ เวเนซุเอลา แต่พอถึงสนามจริง กลับเป็นแค่ตัวสำรองของแนวรุกระดับพระกาฬอย่าง โรนัลโด และ โรนัลดินโญ
4. เคลแบร์สัน (บราซิล 2002)
การเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับสตาร์อย่าง โรแบร์โต คาร์ลอส, โรนัลดินโญ และ ริวัลโด เปรียบสปริงบอร์ดที่ทำให้ เจ้าตัว ย้ายมาอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ลงสนามเพียง 20 นัด และถูกมองเป็นการเสริมทัพย่ำแย่ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรอง 4 เกมแรก ก่อนยึดตัวจริงช่วงท้าย ฟุตบอลโลก ที่ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
3. โรเก จูเนียร์ (บราซิล 2002)
ประสบความสำเร็จทั้งคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก, โคปา ลิเบอร์ตาโดเรส (แชมป์สโมสรอเมริกาใต้) และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แต่กลายเป็นที่จดจำของแฟนๆ ถึงผลงานสุดเห่ย ลงสนาม 5 นัด เสีย 20 ประตู สมัยถูกยืมตัวมาเล่นให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ได้รับความช่วยเหลือจากแนวรับชั้นดี อาทิ คาฟู, ลูซิโอ และ กิลแบร์โต ซิลวา อย่างไรก็ตาม อดีตนักเตะ เอซี มิลาน และไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ก็ยังถูกเรียกติดธง 48 นัด
2. สเตฟาน กิวาร์ช (ฝรั่งเศส 1998)
ทะลวงตาข่าย 40 ประตู ใน ลีก เอิง กับ แรนส์ และ โอแซร์ จนถูก เอ็มเม ฌักเกต์ เทรนเนอร์ “เลอ เบลอส์” เรียกติดทัพลุย “ฟรองซ์ 98” ลงสนาม 7 นัด คลำเป้าไม่เจอแม้แต่ลูกเดียว รวมถึงยังได้รับตำแหน่งกองหน้ายอดแย่ของ พรีเมียร์ ลีก ปี 2009 จากการโหวตของ “เดลี เมล” สมัยย้ายมาอยู่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
1. แบร์กนาร์ ดิโอแมด (ฝรั่งเศส 1998)
เคยครองดับเบิลแชมป์ร่วมกับ กิวาร์ช สมัยอยู่ โอแซร์ เมื่อปี 1996 ลงเล่น “เวิลด์ คัพ” เพียง 3 เกม ก่อนจะหลุดโผ “ตราไก่” นับตั้งแต่นั้นมา และย้ายมาอยู่ ลิเวอร์พูล ภายใต้การกุมบังเหียนของ เชราร์ด อุลลิเยร์ พร้อมเหรียญแชมป์ฟุตบอลโลก ได้รับโอกาสโชว์ฝีเท้าเพียง 3 นัด ตลอด 3 ปี ในถิ่น แอนฟิลด์
7. อแลง โบโกซิยง (ฝรั่งเศส 1998)
เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีส่วนร่วมค่อนข้างน้อย ลงตัวจริงเพียง 1 จาก 5 ทั้งทัวร์นาเมนต์ เนื่องจากพลพรรค “ตราไก่” ยุค ไอเม ฌักเกต์ ประกอบด้วย สตาร์ดังคับคั่ง อาทิ ฟาเบียน บาร์เตซ นายทวาร, โลร็องต์ บล็องก์ กับ มาร์แซล เดอไซญี 2 เซ็นเตอร์แบ็ก, ยูริ จอร์เกฟฟ์ และ ซีเนอดีน ซีดาน 2 เพลย์เมกเกอร์ มิดฟิลด์เลือดน้ำหอม ติดธง ตลอดอาชีพเพียง 26 ครั้ง ยิง 2 ประตู ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ ถล่ม บราซิล 3-0 ในฐานะตัวสำรอง แทน คริสติยง การอมเบอ
6. คริสเตียน ซัคคาร์โด (อิตาลี 2006)
นับตั้งแต่คว้าแชมป์โลก ปี 2006 ก็แทบสาบสูญจากทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ สามารถเล่นได้ทั้งฟูลแบ็ก และ เซ็นเตอร์แบ็ก ถูก มาร์เซลโล ลิปปี เทรนเนอร์ เรียกติดธงด้วยวัยเพียง 24 ปี สัมผัส “เวิลด์ คัพ” เพียง 3 เกม ยิงประตูตัวเอง เป็นเหตุให้ “อัซซูรี” เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 รอบแบ่งกลุ่ม จึงถูกมองข้ามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
5. ลุยเซา (บราซิล 2002)
ใช้ชีวิตค้าแข้งส่วนใหญ่ในบ้านเกิด แต่ก็เคยเสี่ยงโชคในวงการลูกหนังยุโรป ทั้ง เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา (สเปน) กับ แฮร์ธา เบอร์ลิน (เยอรมนี) ติดธงเพียง 17 ครั้ง ผลงานดีสุด ทะลวงตาข่าย 2 ประตู รอบคัดเลือก นัดสุดท้ายกับ เวเนซุเอลา แต่พอถึงสนามจริง กลับเป็นแค่ตัวสำรองของแนวรุกระดับพระกาฬอย่าง โรนัลโด และ โรนัลดินโญ
4. เคลแบร์สัน (บราซิล 2002)
การเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับสตาร์อย่าง โรแบร์โต คาร์ลอส, โรนัลดินโญ และ ริวัลโด เปรียบสปริงบอร์ดที่ทำให้ เจ้าตัว ย้ายมาอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ลงสนามเพียง 20 นัด และถูกมองเป็นการเสริมทัพย่ำแย่ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรอง 4 เกมแรก ก่อนยึดตัวจริงช่วงท้าย ฟุตบอลโลก ที่ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
3. โรเก จูเนียร์ (บราซิล 2002)
ประสบความสำเร็จทั้งคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก, โคปา ลิเบอร์ตาโดเรส (แชมป์สโมสรอเมริกาใต้) และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แต่กลายเป็นที่จดจำของแฟนๆ ถึงผลงานสุดเห่ย ลงสนาม 5 นัด เสีย 20 ประตู สมัยถูกยืมตัวมาเล่นให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ได้รับความช่วยเหลือจากแนวรับชั้นดี อาทิ คาฟู, ลูซิโอ และ กิลแบร์โต ซิลวา อย่างไรก็ตาม อดีตนักเตะ เอซี มิลาน และไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ก็ยังถูกเรียกติดธง 48 นัด
2. สเตฟาน กิวาร์ช (ฝรั่งเศส 1998)
ทะลวงตาข่าย 40 ประตู ใน ลีก เอิง กับ แรนส์ และ โอแซร์ จนถูก เอ็มเม ฌักเกต์ เทรนเนอร์ “เลอ เบลอส์” เรียกติดทัพลุย “ฟรองซ์ 98” ลงสนาม 7 นัด คลำเป้าไม่เจอแม้แต่ลูกเดียว รวมถึงยังได้รับตำแหน่งกองหน้ายอดแย่ของ พรีเมียร์ ลีก ปี 2009 จากการโหวตของ “เดลี เมล” สมัยย้ายมาอยู่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
1. แบร์กนาร์ ดิโอแมด (ฝรั่งเศส 1998)
เคยครองดับเบิลแชมป์ร่วมกับ กิวาร์ช สมัยอยู่ โอแซร์ เมื่อปี 1996 ลงเล่น “เวิลด์ คัพ” เพียง 3 เกม ก่อนจะหลุดโผ “ตราไก่” นับตั้งแต่นั้นมา และย้ายมาอยู่ ลิเวอร์พูล ภายใต้การกุมบังเหียนของ เชราร์ด อุลลิเยร์ พร้อมเหรียญแชมป์ฟุตบอลโลก ได้รับโอกาสโชว์ฝีเท้าเพียง 3 นัด ตลอด 3 ปี ในถิ่น แอนฟิลด์