ASTV ผู้จัดการรายวัน - ศึกลูกหนัง ไทย พรีเมียร์ ลีก ย่างก้าวเข้าสู่ฤดูกาลที่ 18 แล้ว โดยที่ผ่านมามีเรื่องแปลกๆ มากมาย ให้แฟนบอลได้ตั้งข้อสงสัย MGR SPORT ซึ่งคลุกคลีตีโมงในวงการไทยลีกทั้งในและนอกสนามมานานจนสังเกตเห็นถึงความแตกต่าง จึงอาสารวบรวม 5 เรื่องราวที่เกิดขึ้นเฉพาะในไทยลีกที่เดียวชนิดที่ไม่มีใครกล้าเหมือนมาดังนี้
ตกชั้น 5 ทีม : ถือเป็นลีกเดียวในโลกที่มีการปรับทีมตกชั้นถึง 5 ทีม โดยต้นตอเริ่มจากข้อพิพาทแย่งสิทธิ์ทำทีมระหว่าง ศรีสะเกษ เอฟซี กับ อีสาน ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2013 ทำให้ทั้งคู่ลงแข่งขันไม่ได้และมีแมตช์ตกค้างถึง 31 เกม ก่อนที่สุดท้ายศาลจะตัดสินให้ “กูปรีอันตราย” เป็นฝ่ายได้สิทธิ์ ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงต้องแก้สถานการณ์ด้วยการปรับลดทีมตกชั้นจาก 3 เหลือ 1 ทีม และเลื่อนชั้นจากลีกรองขึ้นมา 3 ทีม เพื่อเพิ่มทีมในลีกสูงสุดในฤดูกาล 2014 จาก 18 เป็น 20 ทีม
แต่กระนั้นการเพิ่มจำนวนทีมได้ส่งผลกระทบต่อการจัดโปรแกรมการแข่งขันเป็นอย่างมาก ทีพีแอล จึงตัดสินใจที่จะลดเหลือ 18 ทีมตามเดิมในฤดูกาล 2015 ดังนั้นในซีซันนี้จึงมีมติให้ปรับทีมตกชั้นถึง 5 ทีม โดยจะมีทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาแทนที่เพียง 3 ทีม
ค่าปรับชวนหัว : ศรีสะเกษ เอฟซี โดนปรับเงิน 1 หมื่นบาท กรณีมีงูเขียวเลื้อยเข้าสนามระหว่างการแข่งขันจนผู้ตัดสินต้องเป่านกหวีดหยุดเกมเพื่อให้ทีมงานเข้ามาจับออกไป ซึ่งแม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยที่ยากเกินควบคุมแต่ ทีพีแอล ก็ไม่ละเว้นเพราะมีโทษระบุในระเบียบข้อบังคับชัดเจนว่าด้วยเรื่องการเป็นเจ้าบ้านแล้วปล่อยให้สุนัขหรือสัตว์อื่นๆ เข้าไปในสนามแข่งขัน ทั้งก่อนและระหว่างการแข่งขัน ซึ่งกรณีเช่นนี้ยังเกิดขึ้นกับ พัทยา ยูไนเต็ด ทีมในศึกยามาฮ่า ลีก วัน (ดิวิชั่น 1) ที่โดนปรับเงินจำนวนเท่ากันหลังมีสุนัขวิ่งเข้าไปในสนามด้วย
นอกจากนี้ ทีพีแอล ยังออกบทลงโทษกองเชียร์ ที่นำป้ายแสดงข้อความอันไม่เหมาะสมต่อสาธารณชน ในลักษณะของการดูถูก ดูหมิ่น หรือลดความน่าเชื่อถือต่อ “สมาคมฟุตบอล” หรือ “ทีพีแอล” ไปแสดงในบริเวณที่จัดการแข่งขัน โดยมีโทษปรับเงินสโมสรต้นสังกัดของกองเชียร์หรือทีมเจ้าบ้าน ครั้งแรกจำนวน 50,000 บาท และหากยังกระทำผิดซ้ำครั้งต่อๆ ไป จะปรับครั้งละ 100,000 บาท และห้ามจัดการแข่งขัน 1 นัด
ประธานทีมคุมเข้มข้างสนาม : หากบรรดาผู้บริหารสโมสรต่างชาติเดินทางมาชมเกม ไทย พรีเมียร์ ลีก คงแปลกใจเมื่อเห็นประธานสโมสรชาวไทยลงมานั่งคุมเข้มสั่งการลูกทีมอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองข้างสนามร่วมกับกุนซือและสตาฟฟ์โค้ช ต่างจากทั่วโลกที่นิยมนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ หรือบ็อกซ์วีไอพี ที่จัดไว้เป็นโซนพิเศษ
ซึ่งเรื่องนี้เคยเป็นที่ถกเถียงของแฟนบอลว่าเหมาะสมกับกาลเทศะหรือไม่ หลังจากที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลุกขึ้นมาสวมเสื้อบอลกางเกงขาสั้นนั่งในเขตเทคนิค คอยสั่งการร่วมกับเฮดโค้ช แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นการกระทำลักษณะนี้ก็ได้รับความนิยมจากผู้บริหารทีมอื่นๆ จำนวนมาก อาทิ ระวิ โหลทอง (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด), ปวิณ ภิรมย์ภักดี (บางกอกกล๊าส เอฟซี), วราวุธ ศิลปอาชา (สุพรรณบุรี เอฟซี), อนุชา นาคาศัย (ชัยนาท ฮอร์นบิล), ขจร เจียรวนนท์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด) และอีกมากมาย
สโมสรติดโลโก้สโมสร : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังไทย สร้างความฮือฮาและแปลกใหม่ให้กับวงการฟุตบอล ด้วยการทุ่มเงิน 10 ล้านบาทเข้าสนับสนุน สุรินทร์ ซิตี ในศึกเอไอเอส ลีก ภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยแลกกับการแปะ “โลโก้สโมสร” กลางหน้าอกชุดแข่งขัน ฤดูกาล 2014 เพื่อแสดงถึงการเป็นสปอนเซอร์ภายใต้ชื่อ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด
การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคัดค้านและสนับสนุนเป็น 2 ฝ่าย ทำให้ “ปราสาทสายฟ้า” ต้องออกโรงแจงว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ พร้อมยืนยันว่าหากไม่ต้องการที่จะให้ติดโลโก้ก็พร้อมที่จะยกเลิกการสนับสนุน แต่สุดท้าย สุรินทร์ ซิตี ก็เป็นทีมแรกที่มีสปอนเซอร์กลางหน้าอกเป็นทีมฟุตบอลด้วยกันเอง
อุทธรณ์ใบเหลือง : ตามปกติของการแข่งขันฟุตบอลทั่วโลก นักเตะหรือสตาฟฟ์โค้ชจะยื่นขออุทธรณ์โทษแบนที่ตนเองได้รับทั้งการโดนใบแดงโดยตรงหรือโดนใบเหลือง 2 ใบใน 1 เกม แต่ไม่ใช่กับศึกไทย พรีเมียร์ ลีก อันแสนสับสน เพราะนอกจากจะยื่นเรื่องขอลดโทษกรณีที่โดนใบแดงได้แล้ว ยังขอลดโทษใบเหลืองได้อีกต่างหาก
สืบเนื่องจากกฎการแข่งขันของ ทีพีแอล จะไม่แบนผู้เล่นที่ได้รับใบเหลือง 2 ใบในเกมต่อไป แต่จะใช้วิธีนับใบเหลืองสะสมครบ 4 ใบแทนจึงจะโดนแบน ดังนั้นช่วงท้ายฤดูกาล 2013 ที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ละทีมจึงสบโอกาสขออุทธรณ์โทษใบเหลืองใบที่ 4 ที่แข้งตัวหลักได้รับมา และที่สำคัญเกือบทุกรายได้รับการอภัยโทษแทบทั้งสิ้น อาทิ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย, นริศ ทวีกุล(บางกอกกล๊าส เอฟซี), ดานโญ เซียกา (เอสซีจี เมืองทองฯ), เบลิก คาซองกา (บีอีซี เทโรศาสน), ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร (อาร์มี่ ยูไนเต็ด) และอีกหลายราย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *