เอเยนซี - กลายเป็นข่าวใหญ่ก่อนศึก พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2013-14 ปิดฉาก เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ลีกของประเทศอังกฤษสูงสุด 20 สมัย แยกทาง เดวิด มอยส์ กุนซือชาวสกอต เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน 2557 ตามเวลาท้องถิ่น หลังผลงานไร้แชมป์ รั้งอันดับ 7 มีเพียง 57 แต้ม ซึ่งจะถือเป็นตำแหน่งต่ำสุดนับตั้งแต่ลีกเปลี่ยนชื่อ แถมยังทำให้ไม่ได้โควตาไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 พร้อมมอบหมายให้ ไรอัน กิกส์ แข้งระดับอาวุโส จะสวมบทกุนซือขัดตาทัพ-ผู้เล่น คุมชั่วคราวที่เหลือโปรแกรม 4 นัดของปีนี้
สำหรับฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้บอร์ดบริหาร แมนฯยู ภายใต้การนำของ ตระกูลเกลเซอร์ส ไล่ มอยส์ คือเกม พรีเมียร์ ลีก บุกพ่าย เอฟเวอร์ตัน ถึง กูดิสัน ปาร์ก 0-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยเงินชดเชยที่ต้องจ่ายคาดอยู่ที่ราว 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 550 ล้านบาท) คำนวณจากสัญญาที่เหลือ 5 ปี ค่าเหนื่อย 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 275 ล้านบาท) ต่อปี รวมโบนัส
เว็บไซต์ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ระบุเมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน 2557 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศอังกฤษ ว่า “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขอประกาศว่า เดวิด มอยส์ ได้ออกจากสโมสรแล้ว ด้วยใจจริงเราจะบันทึกการทุ่มเททำงานอันยากลำบากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเอาไว้นับจากนี้”
ถือว่าเกินความอดทน เพราะสโมสรระดับ แมนฯยู ต้องมีกุนซือที่กลายเป็นตัวตลกของคู่แข่งมีการชูข้อความอย่าไล่ มอยส์ ให้อยู่ต่อไปในปีหน้าผลงานจะได้ย่ำแย่เช่นนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนต้นฤดูกาล “ผีแดง” มีป้ายเชิดชู “THE CHOSEN ONE” (ผู้ที่ถูกเลือก) แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็น “THE PROBLEM ONE” (ตัวปัญหา) รวมถึงแฟนบอลตนเองบางกลุ่มที่อดทนกับผลงานย่ำแย่ตลอดทั้งฤดูกาลไม่ไหวเคยจ้างเครื่องบินผูกข้อความขับไล่มาแล้วคือ “WRONG ONE MOYES OUT” (เลือกผิด มอยส์ ออกไป)
ถือเป็นปีที่ แมนฯยู เสียหายร้ายแรง เพราะไม่ได้เล่น แชมเปียนส์ ลีก หมายถึงสูญเงินส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,750 ล้านบาท) นอกจากนี้การซื้อตัวนักเตะของ มอยส์ ไล่ตั้งแต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาคือ มารูยาน เฟลไลนี กองกลางทีมชาติเบลเยียมจาก เอฟเวอร์ตัน 27.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) ก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ตามด้วยการคิดกู้วิกฤตช่วงตลาดเปิดเดือนมกราคมเบิกอีก 37.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) สูงเป็นสถิติใหม่สโมสรดึง ฆวน มาตา ปีกทีมชาติสเปน มาจาก เชลซี ก็เล่นแบบ 3 วันดี 4 วันไข้
อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ กิกส์ แข้งวัย 40 ปี จะถูกมอบหมายให้สวมบทผู้เล่นและโค้ชขัดตาทัพไปจนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ซึ่งอดีตกัปตันทีมชาติเวลส์ ก็กำลังสอบเป็นโค้ชอยู่ ดังนั้นก็เหมือนเป็นการทดลองงานไปในตัว ไม่แน่อาจได้งานแบบถาวร หรือจากนั้นก็จะมีเวลาอย่างเต็มที่ตอนซัมเมอร์นี้เพื่อหาคนที่ใช่ที่สุด เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่กุนซือ แมนฯยู คนใหม่จะต้องนำทัพกลับมาทวงความสำเร็จ ดังนั้นชื่อชั้นและดีกรีจะต้องไม่ธรรมดา ยุคสมัยของเกมลูกหนังเปลี่ยนไปไม่สามารถรอคอยความสำเร็จร่วม 10 หรือ 20 ปีแบบเมื่อก่อนได้อีกต่อไป
“จากการแยกทางของ เดวิด มอยส์ ในตำแหน่งกุนซือ ทำให้ แมนฯยู ขอประกาศตั้ง ไรอัน กิกส์ นักเตะที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน รับผิดชอบทีมชุดใหญ่จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งแบบถาวรขึ้นอยู่กับความสามารถ จากนี้สโมสรไม่มีความเห็นเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้นจนกกว่าจะได้ข้อสรุปมากกว่านี้” แถลงของ แมนฯยู ระบุเพิ่มเติม
กิกส์ ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ให้กับ แมนฯยู เมื่อเดือนมีนาคมปี 1991 รวมแล้ว 962 นัดทุกรายการ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 13 สมัย, ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย และ ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ 1 สมัย ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทัพมาก่อน
สำหรับแคนดิเดตกุนซือใหม่ประกอบไปด้วย หลุยส์ ฟาน กัล ที่แบะท่าคุมทัพสโมสร พรีเมียร์ ลีก หลังเสร็จศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล กับ เนเธอร์แลนด์, เจอร์เกน คล็อปป์ ที่เคยพา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ท้าทาย บาเยิร์น มิวนิก แย่งถาดแชมป์เยอรมนีมาครองได้ 2 สมัย, ดิเอโก ซิเมโอเน นำ แอตเลติโก มาดริด เบียดบารมี บาร์เซโลนา และ รีล มาดริด รั้งจ่าฝูง ลา ลีกา สเปน ณ ขณะนี้ รวมถึงเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 40 ปี และ โลร็องต์ บลองก์ ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อดีตกองหลัง แมนฯยูไนเต็ด
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *