คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ในโลกของกีฬาฟุตบอลปัจจุบันถือเป็นการแข่งขันที่มีมูลค่าสูงมาก ยกตัวอย่างการซื้อขายลิขสิทธิ์การแข่งขันลีกดังๆ ทั่วโลกนั้นมีการประมูลกันที่สูงเหลือหลาย ผิดจากเดิมที่เราสามารถรับชมการแข่งขันโดยไม่ต้องมานั่งคิดเรื่องมูลค่าที่ต้องจ่ายหากต้องการชมการถ่ายทอดสด ซึ่งลีกที่มูลค่ามากที่สุดในการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในปัจจุบันคือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีมูลค่าถึงปีละ 1,700 ล้านยูโร หรือ 76,500 ล้านบาท รองลงมาเป็นกัลโช เซเรีย อา อิตาลี 960 ล้านยูโร หรือ 43,200 ล้านบาท อันดับ 3 เป็น ลาลีกา สเปน 750 ล้านยูโร หรือ 33,750 ล้านบาท อันดับ 4 ลีก เอิง ฝรั่งเศส 726 ล้านยูโร หรือ 32,700 ล้านบาท และ อันดับ 5 ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมนี 675 ล้านยูโร หรือ 30,000 ล้านบาท (ข้อมูลดังกล่าวอาจคลาดเคลื่อนไปบ้างต้องขออภัย)
ด้วยมูลค่าการลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่มีการประมูลแข่งขันกันมหาโหดเยี่ยงนี้ ย่อมหนีไม่พ้นการผลักภาระมาให้เป็นหน้าที่ของผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ ให้ต้องควักกระเป๋าสำหรับจ่ายเพื่อการรับชมฟุตบอลที่ให้ความสนใจ ตัวผมเองก็ต้องควักจ่ายการรับชมลิขสิทธิ์จากผู้ประมูลในประเทศหลายเจ้า เพื่อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในการนอนพักรับชมสโมสรฟุตบอลที่หลงใหลได้ปลื้มมานาน จะว่าสุขที่ได้ชมที่รักมันก็สุข แต่บางครั้งมานั่งคิดต่อปีต้องเสียเงินค่ารับชมรายเดือนในหลายกล่องรับสัญญาณคิดเป็นเหมารวมรายปีก็ตกราคาเป็นหมื่นบาทเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อมันแลกมาซึ่งความสุขเล็กน้อย
การได้มานั่งชมนอนชมทีมรักในลีกต่างๆ แข่งขันกัน เป็นความสุขอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ชายที่เริ่มจะมีอายุ และไม่นิยมการเดินทางไปชมถึงขอบสนามอย่างผม แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากลีกระดับโลกอย่างที่ยกตัวอย่างมานั้น ทำให้เราได้รับทราบถึงมาตรฐานการแข่งขันกีฬาในสนามต่างประเทศเขามีมาก เพราะเงินจากลิขสิทธิ์ต่างๆ ก็ใหลเข้าสโมสร ทำให้ระบบการจัดการของเขาดูช่างสมบูรณ์แบบเสียนี่กระไร ยกตัวอย่างการรักษาความปลอดภัยสนามของฟุตบอลลีกดังๆ เขามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นมืออาชีพเหลือเกิน เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แฟนบอลขว้างปาสิ่งของใส่นักเตะเมื่อไร กล้องสนามก็มักจับภาพแฟนบอลตัวป่วน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รวบตัวได้ทันควัน ไม่เกิดเหตุการณ์บานปลายใหญ่โตลุกลามได้
อีกกรณีคือมาตรฐานการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน เมื่อมีการตัดสินฟุตบอลนัดสำคัญ (ซึ่งสำหรับแฟนบอลแต่ละทีมผมว่ามันก็สำคัญทุกนัดนั่นแหละ) สิ่งที่แสดงให้เราอุ่นใจอย่างหนึ่งคือ มักมีการลงโทษตามมาให้เราได้รับรู้ว่าบางครั้งสิ่งที่เรามองว่ามันเล็กน้อย แต่ด้วยมาตรฐานที่ดีก็ต้องมีการพิจารณาโทษกันตามสมควร
สำหรับฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ผมทราบว่าการประมูลครั้งล่าสุด รวม 3 ฤดูกาลมีมูลค่า 1,800 ล้านบาท แม้ราคาไม่สูงมหาโหดเหมือนดั่งเช่น 5 ลีกยักษ์ใหญ่ของโลก แต่ต้องยอมรับว่าเป็นมูลค่าที่ไม่น้อยเลยทีเดียว หากนำจำนวนเม็ดเงินมาวางตรงหน้าแล้วถือว่ามหาศาลเอามากๆ และสูงกว่ามูลค่าการถ่ายทอดสดกีฬาทุกรายการในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เมื่อมีเงินจำนวนมาเข้าสู่ลีกขนาดนี้ ความคาดหวังที่จะเห็นการพัฒนาย่อมมีสูงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามเรายังได้เห็นสโมสรในลีกบ้านเรา หลายทีมเลยทีเดียวที่บริหารกันแบบเช้าชามเย็นสองชาม หลายทีมยังไม่มีโครงสร้างเป็นฟุตบอลอาชีพ รอขอเงินจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นหน่วยงานแม่ โดยไม่สนใจ หรือเหลียวหันไปขยายฐานแฟนบอล เห็นได้ชัดบางทีมทำทีมเหมือนให้เฉพาะผู้บริหารและพนักงานในองค์กรมาดูฟุตบอลเท่านั้น มีชั้นวีไอพีติดแอร์อย่างดิบดี แต่พื้นที่อัฒจันทร์กลับรองรับแฟนบอลได้ไม่ถึง 3,000 พันคนด้วยซ้ำ แถมยังหมางเมินการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกอันเป็นรายได้ส่วนหนึ่งที่จะเข้าสู่สโมสรเพื่อไปพัฒนา และสร้างมาตรฐานของทีม อย่าให้พูดเลยว่าเป็นทีมไหน ไม่อยากประจานจริงๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ในโลกของกีฬาฟุตบอลปัจจุบันถือเป็นการแข่งขันที่มีมูลค่าสูงมาก ยกตัวอย่างการซื้อขายลิขสิทธิ์การแข่งขันลีกดังๆ ทั่วโลกนั้นมีการประมูลกันที่สูงเหลือหลาย ผิดจากเดิมที่เราสามารถรับชมการแข่งขันโดยไม่ต้องมานั่งคิดเรื่องมูลค่าที่ต้องจ่ายหากต้องการชมการถ่ายทอดสด ซึ่งลีกที่มูลค่ามากที่สุดในการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในปัจจุบันคือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีมูลค่าถึงปีละ 1,700 ล้านยูโร หรือ 76,500 ล้านบาท รองลงมาเป็นกัลโช เซเรีย อา อิตาลี 960 ล้านยูโร หรือ 43,200 ล้านบาท อันดับ 3 เป็น ลาลีกา สเปน 750 ล้านยูโร หรือ 33,750 ล้านบาท อันดับ 4 ลีก เอิง ฝรั่งเศส 726 ล้านยูโร หรือ 32,700 ล้านบาท และ อันดับ 5 ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมนี 675 ล้านยูโร หรือ 30,000 ล้านบาท (ข้อมูลดังกล่าวอาจคลาดเคลื่อนไปบ้างต้องขออภัย)
ด้วยมูลค่าการลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่มีการประมูลแข่งขันกันมหาโหดเยี่ยงนี้ ย่อมหนีไม่พ้นการผลักภาระมาให้เป็นหน้าที่ของผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ ให้ต้องควักกระเป๋าสำหรับจ่ายเพื่อการรับชมฟุตบอลที่ให้ความสนใจ ตัวผมเองก็ต้องควักจ่ายการรับชมลิขสิทธิ์จากผู้ประมูลในประเทศหลายเจ้า เพื่อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในการนอนพักรับชมสโมสรฟุตบอลที่หลงใหลได้ปลื้มมานาน จะว่าสุขที่ได้ชมที่รักมันก็สุข แต่บางครั้งมานั่งคิดต่อปีต้องเสียเงินค่ารับชมรายเดือนในหลายกล่องรับสัญญาณคิดเป็นเหมารวมรายปีก็ตกราคาเป็นหมื่นบาทเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อมันแลกมาซึ่งความสุขเล็กน้อย
การได้มานั่งชมนอนชมทีมรักในลีกต่างๆ แข่งขันกัน เป็นความสุขอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ชายที่เริ่มจะมีอายุ และไม่นิยมการเดินทางไปชมถึงขอบสนามอย่างผม แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากลีกระดับโลกอย่างที่ยกตัวอย่างมานั้น ทำให้เราได้รับทราบถึงมาตรฐานการแข่งขันกีฬาในสนามต่างประเทศเขามีมาก เพราะเงินจากลิขสิทธิ์ต่างๆ ก็ใหลเข้าสโมสร ทำให้ระบบการจัดการของเขาดูช่างสมบูรณ์แบบเสียนี่กระไร ยกตัวอย่างการรักษาความปลอดภัยสนามของฟุตบอลลีกดังๆ เขามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นมืออาชีพเหลือเกิน เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แฟนบอลขว้างปาสิ่งของใส่นักเตะเมื่อไร กล้องสนามก็มักจับภาพแฟนบอลตัวป่วน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รวบตัวได้ทันควัน ไม่เกิดเหตุการณ์บานปลายใหญ่โตลุกลามได้
อีกกรณีคือมาตรฐานการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน เมื่อมีการตัดสินฟุตบอลนัดสำคัญ (ซึ่งสำหรับแฟนบอลแต่ละทีมผมว่ามันก็สำคัญทุกนัดนั่นแหละ) สิ่งที่แสดงให้เราอุ่นใจอย่างหนึ่งคือ มักมีการลงโทษตามมาให้เราได้รับรู้ว่าบางครั้งสิ่งที่เรามองว่ามันเล็กน้อย แต่ด้วยมาตรฐานที่ดีก็ต้องมีการพิจารณาโทษกันตามสมควร
สำหรับฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ผมทราบว่าการประมูลครั้งล่าสุด รวม 3 ฤดูกาลมีมูลค่า 1,800 ล้านบาท แม้ราคาไม่สูงมหาโหดเหมือนดั่งเช่น 5 ลีกยักษ์ใหญ่ของโลก แต่ต้องยอมรับว่าเป็นมูลค่าที่ไม่น้อยเลยทีเดียว หากนำจำนวนเม็ดเงินมาวางตรงหน้าแล้วถือว่ามหาศาลเอามากๆ และสูงกว่ามูลค่าการถ่ายทอดสดกีฬาทุกรายการในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เมื่อมีเงินจำนวนมาเข้าสู่ลีกขนาดนี้ ความคาดหวังที่จะเห็นการพัฒนาย่อมมีสูงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามเรายังได้เห็นสโมสรในลีกบ้านเรา หลายทีมเลยทีเดียวที่บริหารกันแบบเช้าชามเย็นสองชาม หลายทีมยังไม่มีโครงสร้างเป็นฟุตบอลอาชีพ รอขอเงินจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นหน่วยงานแม่ โดยไม่สนใจ หรือเหลียวหันไปขยายฐานแฟนบอล เห็นได้ชัดบางทีมทำทีมเหมือนให้เฉพาะผู้บริหารและพนักงานในองค์กรมาดูฟุตบอลเท่านั้น มีชั้นวีไอพีติดแอร์อย่างดิบดี แต่พื้นที่อัฒจันทร์กลับรองรับแฟนบอลได้ไม่ถึง 3,000 พันคนด้วยซ้ำ แถมยังหมางเมินการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกอันเป็นรายได้ส่วนหนึ่งที่จะเข้าสู่สโมสรเพื่อไปพัฒนา และสร้างมาตรฐานของทีม อย่าให้พูดเลยว่าเป็นทีมไหน ไม่อยากประจานจริงๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
