ทีวีดิจิตอลลั่นกลองรบ “อสมท”-“ช่อง5” ประเดิมทดลองออกอากาศ อสมท มั่นใจระบบเจ๋ง นำร่อง 2 จังหวัดก่อน พร้อมลุยขายกล่องรับสัญญาณ 2 รุ่น คาดรายได้จากดิจิตอลปีแรก 300 ล้านบาท ด้านช่อง 5 มั่นใจว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จเร็วกว่าที่ กสทช.กำหนดกรอบไว้ 1 ปี
นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทีวีดิจิตอลจำนวน 2 ช่อง คือ MOCT HD และ MCOT family ว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมทั้งหมด ทั้งด้านผังรายการ ด้านการปรับภาพลักษณ์องค์กร ด้านการสร้างคาแรหเตอร์ให้กับช่อง โดยคาดว่าช่องแรกที่จะดำเนินการได้ก่อนเต็มรูปแบบคือ ช่อง MCOT HD ประมาณเดือนมิถุนายนนนี้ ส่วนอีกช่องคือ MCOT family คาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้จะออกอากาศอย่างเต็มรูปแบบได้ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
ล่าสุด อสมท ได้ทำการทดลองส่งสัญญาณออกอากาศโครงข่ายทีวีดิจิตอลแล้วในวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการดำเนินการ โดยการทดลองออกอากาศก่อนเพียง 2 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ พบว่าภาพรวมเป็นได้ด้วยดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และตัวสัญญาณมีความคมชัด
ขณะที่อีก 2 จังหวัดที่เหลือ คือ สงขลา และนครราชสีมา ยังไม่ได้ทดลองออกอากาศเนื่องจากต้องรอวิศวกรจากต่างประเทศเข้ามาติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณก่อน ซึ่งคาดว่าภายในวันที่ 4 เมษายนนี้บริษัทฯ จะสามารถทำการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณในอีก 2 จังหวัดดังกล่าวได้ เนื่องจากที่าผ่านมาติดปัญหาล่าช้าจากการประมูลหาผู้ประกอบการรับแบบ (ทีโออาร์)และตามแผนงานจะเพิ่มอีก 3 จังหวัดในเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายนเพิ่มอีก 4 จังหวัด
นายเอนกกล่าวว่า งบลงทุนด้านโครงข่ายจากนี้จนถึงปี 2558 คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่การขยายธุรกิจครั้งนี้จะทำให้สิ้นปีนี้ อสมท น่าจะมีรายได้รวมประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากทีวีดิจิตอล 250-300 ล้านบาท รายได้จากวิทยุ 900 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจดาวเทียม 350 ล้านบาท รายได้จากสัมปทาน 900 ล้านบาท รายได้จากนอนบรอดคาสต์ 500-600 ล้านบาท และรายได้จากช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี 3,600 ล้านบาท
ล่าสุด อสมท ได้รุกทำการตลาดขายกล่องรับสัญญาณ ด้วยการเปิดตัวกล่องรับสัญญาณMCOT HD BOX จำนวน 2 รุ่น คือ รุ่น view ชัดๆ กว่าเห็นๆ ราคา 1,290 บาท และรุ่น play สั่งได้ดั่งใจ ราคา 1,490 บาท ส่วนรุ่น plus ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดราคาขาย โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายกล่องในปีแรกประมาณ 1 ล้านกล่อง และปีที่สองจะเพิ่มเป็น 2 ล้านกล่อง และคาดว่าภายใน 4 ปีจากนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 20%
*** ช่อง 5 คาดทำเร็วกว่า กสทช.กำหนด 1 ปี
พล.ต.บุญญฤทธิ์ วิสมล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน ช่อง 5 กล่าวว่า ได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีและการให้บริการโครงข่ายของ ททบ.ตามกรอบวงเงินที่ใช้ในการบริหารและดำเนินการ จำนวน 1,416 ล้านบาท โดยในปีแรกคือปี 2557 ททบ.จะให้บริการได้มากกว่ากรอบที่ กสทช.กำหนด คือ 50% ของครัวเรือนประชากร โดยแผนการให้บริการของ ททบ.ตั้งใจว่าจะทำได้ถึง 67% ในปี 2557 ซึ่งจะครอบคลุมจังหวัดใหญ่ๆ เช่น กทม. และ ปริมณฑล, เชียงใหม่, นครราชสีมา, สงขลา, สุราษฎร์ธานี และสิงห์บุรี
ในปี 2558 จะขยายโครงข่ายติดตั้งสถานี HIGH POWER อีก 19 แห่ง และสถานี LOW POWER ในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มเติมอีก 60 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ถึง 90% มากกว่ากรอบ กสทช.ที่กำหนด 80% และในปี 2559 จะติดตั้งสถานี LOW POWER เพิ่มอีก 46 แห่ง พร้อมตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงข่าย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 97% มากกว่ากรอบ กสทช.ที่กำหนดไว้ 95% และเสร็จก่อนกำหนด กสทช. 1 ปี
พ.อ.วิเศษศักดิ์ สุนทรเกส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนารายได้ กล่าวถึงความพร้อมของผู้ใช้บริการโครงข่ายทั้ง 14 ช่อง 12 บริษัท ว่า ทุกสถานีนับเป็นองค์กรขนาดใหญ่และมีความเป็นมืออาชีพ ต่างได้เตรียมจัดผังรายการและผลิตรายการคุณภาพรองรับประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการทีวีไทย ทั้งกลุ่มรายการวาไรตีประเภท HD, SD และกลุ่มรายการข่าวและรายการเด็ก โดยทราบว่าหลายบริษัทได้เตรียมซื้อลิขสิทธิ์รายการต่างประเทศมาเสริมสร้างความหลากหลายดึงดูดความสนใจของผู้ชม และมั่นใจว่าทั้ง 14 ช่อง จะได้เริ่มออกอากาศเต็มรูปแบบในเดือน มิ.ย. 57 นอกจากนี้ ททบ.ยังได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกด้านห้องส่ง อาคารสถานที่ ห้องประชุม ห้องรับรอง และห้องจัดเลี้ยง ให้รองรับความต้องการใช้งานของผู้ใช้บริการโครงข่ายและประชาชนทั่วไป โดย ททบ.จะเปิดตัวอาคารอเนกประสงค์ใหม่ในห้วงเดือน ส.ค. 57 นับเป็นศูนย์บริการสำหรับทีวีระบบดิจิตอลที่ครบวงจร ภายใต้สโลแกน “คิดถึงทีวีระบบดิจิตอล ก็นึกถึง ททบ.”
นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทีวีดิจิตอลจำนวน 2 ช่อง คือ MOCT HD และ MCOT family ว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมทั้งหมด ทั้งด้านผังรายการ ด้านการปรับภาพลักษณ์องค์กร ด้านการสร้างคาแรหเตอร์ให้กับช่อง โดยคาดว่าช่องแรกที่จะดำเนินการได้ก่อนเต็มรูปแบบคือ ช่อง MCOT HD ประมาณเดือนมิถุนายนนนี้ ส่วนอีกช่องคือ MCOT family คาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้จะออกอากาศอย่างเต็มรูปแบบได้ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
ล่าสุด อสมท ได้ทำการทดลองส่งสัญญาณออกอากาศโครงข่ายทีวีดิจิตอลแล้วในวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการดำเนินการ โดยการทดลองออกอากาศก่อนเพียง 2 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ พบว่าภาพรวมเป็นได้ด้วยดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และตัวสัญญาณมีความคมชัด
ขณะที่อีก 2 จังหวัดที่เหลือ คือ สงขลา และนครราชสีมา ยังไม่ได้ทดลองออกอากาศเนื่องจากต้องรอวิศวกรจากต่างประเทศเข้ามาติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณก่อน ซึ่งคาดว่าภายในวันที่ 4 เมษายนนี้บริษัทฯ จะสามารถทำการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณในอีก 2 จังหวัดดังกล่าวได้ เนื่องจากที่าผ่านมาติดปัญหาล่าช้าจากการประมูลหาผู้ประกอบการรับแบบ (ทีโออาร์)และตามแผนงานจะเพิ่มอีก 3 จังหวัดในเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายนเพิ่มอีก 4 จังหวัด
นายเอนกกล่าวว่า งบลงทุนด้านโครงข่ายจากนี้จนถึงปี 2558 คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่การขยายธุรกิจครั้งนี้จะทำให้สิ้นปีนี้ อสมท น่าจะมีรายได้รวมประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากทีวีดิจิตอล 250-300 ล้านบาท รายได้จากวิทยุ 900 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจดาวเทียม 350 ล้านบาท รายได้จากสัมปทาน 900 ล้านบาท รายได้จากนอนบรอดคาสต์ 500-600 ล้านบาท และรายได้จากช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี 3,600 ล้านบาท
ล่าสุด อสมท ได้รุกทำการตลาดขายกล่องรับสัญญาณ ด้วยการเปิดตัวกล่องรับสัญญาณMCOT HD BOX จำนวน 2 รุ่น คือ รุ่น view ชัดๆ กว่าเห็นๆ ราคา 1,290 บาท และรุ่น play สั่งได้ดั่งใจ ราคา 1,490 บาท ส่วนรุ่น plus ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดราคาขาย โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายกล่องในปีแรกประมาณ 1 ล้านกล่อง และปีที่สองจะเพิ่มเป็น 2 ล้านกล่อง และคาดว่าภายใน 4 ปีจากนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 20%
*** ช่อง 5 คาดทำเร็วกว่า กสทช.กำหนด 1 ปี
พล.ต.บุญญฤทธิ์ วิสมล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน ช่อง 5 กล่าวว่า ได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีและการให้บริการโครงข่ายของ ททบ.ตามกรอบวงเงินที่ใช้ในการบริหารและดำเนินการ จำนวน 1,416 ล้านบาท โดยในปีแรกคือปี 2557 ททบ.จะให้บริการได้มากกว่ากรอบที่ กสทช.กำหนด คือ 50% ของครัวเรือนประชากร โดยแผนการให้บริการของ ททบ.ตั้งใจว่าจะทำได้ถึง 67% ในปี 2557 ซึ่งจะครอบคลุมจังหวัดใหญ่ๆ เช่น กทม. และ ปริมณฑล, เชียงใหม่, นครราชสีมา, สงขลา, สุราษฎร์ธานี และสิงห์บุรี
ในปี 2558 จะขยายโครงข่ายติดตั้งสถานี HIGH POWER อีก 19 แห่ง และสถานี LOW POWER ในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มเติมอีก 60 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ถึง 90% มากกว่ากรอบ กสทช.ที่กำหนด 80% และในปี 2559 จะติดตั้งสถานี LOW POWER เพิ่มอีก 46 แห่ง พร้อมตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงข่าย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 97% มากกว่ากรอบ กสทช.ที่กำหนดไว้ 95% และเสร็จก่อนกำหนด กสทช. 1 ปี
พ.อ.วิเศษศักดิ์ สุนทรเกส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนารายได้ กล่าวถึงความพร้อมของผู้ใช้บริการโครงข่ายทั้ง 14 ช่อง 12 บริษัท ว่า ทุกสถานีนับเป็นองค์กรขนาดใหญ่และมีความเป็นมืออาชีพ ต่างได้เตรียมจัดผังรายการและผลิตรายการคุณภาพรองรับประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการทีวีไทย ทั้งกลุ่มรายการวาไรตีประเภท HD, SD และกลุ่มรายการข่าวและรายการเด็ก โดยทราบว่าหลายบริษัทได้เตรียมซื้อลิขสิทธิ์รายการต่างประเทศมาเสริมสร้างความหลากหลายดึงดูดความสนใจของผู้ชม และมั่นใจว่าทั้ง 14 ช่อง จะได้เริ่มออกอากาศเต็มรูปแบบในเดือน มิ.ย. 57 นอกจากนี้ ททบ.ยังได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกด้านห้องส่ง อาคารสถานที่ ห้องประชุม ห้องรับรอง และห้องจัดเลี้ยง ให้รองรับความต้องการใช้งานของผู้ใช้บริการโครงข่ายและประชาชนทั่วไป โดย ททบ.จะเปิดตัวอาคารอเนกประสงค์ใหม่ในห้วงเดือน ส.ค. 57 นับเป็นศูนย์บริการสำหรับทีวีระบบดิจิตอลที่ครบวงจร ภายใต้สโลแกน “คิดถึงทีวีระบบดิจิตอล ก็นึกถึง ททบ.”
