เอเยนซี – เชือดเฉือนกันมา 4 วัน ในที่สุด โทรฟีแชมป์เมเจอร์รายการแรกแห่งวงการกอล์ฟหญิงแอลพีจีเอ รายการ คราฟต์ นาบิสโก แชมเปียนชิป 2014 ตกเป็นของ เล็กซี ธอมป์สัน สวิงสาวดาวรุ่งจาก สหรัฐอเมริกา หลังทำสกอร์รวมวันสุดท้าย 14 อันเดอร์พาร์ เรียกว่านอกจากเป็นการเปิดซิงแชมป์ระดับเมเจอร์รายการแรกของตัวเองแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนบรรดาสวิงสาวชาวเอเชียอีกทางว่าถึงเวลาที่ก้านเหล็กอเมริกัน จะกลับมาทวงบัลลังก์วงการกอล์ฟหญิงในไม่ช้า
การแข่งขันวันสุดท้ายที่ มิชชัน ฮิลล์ส คันทรี คลับ ดำเนินไปอย่างเข้มข้นเมื่อ มิเชล วี สาวสวยของวงการ ออกรอบตีคู่ไปกับ ธอมป์สัน หลังมีสกอร์เท่ากันอยู่ที่ 10 อันเดอร์พาร์ ทว่ากลับเป็นสาวน้อยวัยละอ่อนที่โชว์ฟอร์มนิ่งกว่าพัตต์ไม่พลาดทำ 4 อันเดอร์ใน 9 หลุมแรก ขณะที่ “สาววี” เครื่องสะดุดเก็บได้เพียง 1 อันเดอร์ ตีหลุดถึง 3 โบกี ส่งให้ ธอมป์สัน ประเดิมแชมป์เมเจอร์ใบแรกในการเล่นอาชีพ พร้อมเงินรางวัล 3 แสนเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9.6 ล้านบาท)
ชัยชนะที่ มิชชัน ฮิลล์ส ทำให้สาววัย 19 ปี 1 เดือน กับ 27 วัน สร้างสถิติเป็นโปรอายุน้อยที่สุดลำดับสองที่ผงาดก้าวขึ้นมาซิวแชมป์เมเจอร์ ต่อจาก มอร์แกน เพรสเซล ที่เปิดซิงโทรฟีเมเจอร์แรกของตัวเองได้เมื่อปี 2007 รายการเดียวกัน ด้วยวัย 18 ปีเวลานั้น ส่วนแชมป์เก่าอย่าง ปาร์ค อินบี ความหวังอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ฟอร์มหลุด 2 วันสุดท้าย จบทัวร์นาเมนต์ที่อันดับ 38 สกอร์รวมเกินไป 4 โอเวอร์พาร์
หลังจบการแข่งขันและฉลองชัยด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำพร้อมทีมงานตามธรรมเนียม ธอมป์สัน บรรยายความรู้สึกที่อัดอั้นในใจว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันพยายามทำงานหนักมาโดยตลอด และเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ฉันวางไว้ในปีนี้ นั่นคือแชมป์เมเจอร์ ฉันหวังอยู่เสมอว่าตัวเองจะทำได้ในรายการ คราฟท์ นาบิสโก และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งจริงๆที่ได้จารึกชื่อไว้กับทัวร์นาเมนต์นี้”
ส่วน มิเชล วี วัย 24 ปี ที่เกือบจะลบคำสาปไร้แชมป์ตลอด 4 ปีหลังสุดนับตั้งแต่รายการสุดท้ายที่ แคนาดา ปี 2010 กล่าวรู้สึกเสียดายแต่ก็ได้ความมั่นใจกลับมาพอสมควรก่อนเตรียมตัวลงแข่งทัวร์นาเมนต์ต่อไป “ฉันวางแผนผิดพลาดในวันสุดท้าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะดูเหมือนจะเริ่มขยับเข้าใกล้ชัยชนะมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นในสัปดาห์นี้และภูมิใจกับผลงานของตัวเองเป็นอย่างมาก”
จากผลที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าเป็นการคืนฟอร์มของบรรดาสวิงสาวชาวอเมริกันอีกครั้งก็ว่าได้ เพราะหากพลิกสถิติกลับไปดูในช่วง 2 ปีหลังสุดจะเห็นได้ว่ามีโปรจากเอเชีย โดยเฉพาะ เกาหลีใต้ ขึ้นมาสอดแทรกแย่งแชมป์เมเจอร์ไปครองหลายราย โดยเฉพาะปี 2012 ที่เล่นกวาดแชมป์ไปหมดทุกรายการไล่ตั้งแต่ ยู ซัน-ยอง (เกาหลีใต้ / คราฟต์ นาบิสโก), ชาน ชาน เฟิง (จีน / แอลพีจีเอ แชมเปียนชิป), ชอย นา ยอน (เกาหลีใต้ / ยูเอส วีเมนส์ โอเพน) และ ชิน จิไอ (เกาหลีใต้ /บริติช โอเพน) ส่วนปีที่แล้วเมเจอร์ 5 รายการก็ตกเป็นของโปรเอเชียถึง 3 ราย
นอกจากนี้ ศึกเมเจอร์ที่ผ่านพ้นไป เมื่อสอดส่ายสายตาดูรายชื่อผู้ชนะบนลีดเดอร์บอร์ดจะเห็นได้ชัดเจนว่าโปรจากเมืองลุงแซมจบการแข่งขันที่อันดับท็อป 10 ถึง 5 ราย ขณะที่ตัวแทนจากเอเชียมีหลุดรอดเข้ามา 3 คน แม้เป็นผลงานที่ยังน่าดูชมแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความร้อนแรงของพวกเธอเริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ จากที่เคยเปรี้ยงปร้างเก็บแชมป์รายการเล็กรายการใหญ่เป็นว่าเล่น อันเป็นสัญญาณที่ดีของเหล่าสวิงชาวอเมริกันสำหรับการคืนบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ในทัวร์นาเมนต์ของ แอลพีจีเอ แบบที่เคยเป็นในอดีต ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะทำได้หรือไม่นั้นต้องรอดูในเมเจอร์ที่เหลือต่อจากนี้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *