ASTV ผู้จัดการรายวัน – ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่เต็มตัวสำหรับ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตแข้งชุด “ดรีมทีม” หลังพิสูจน์ฝีมือพา “ช้างศึกชุดเล็ก” ทวงเหรียญทอง ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่าเมื่อปลายปีที่แล้วได้สำเร็จ แต่ผลงานดังกล่าวเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะเทรนเนอร์วัย 40 ปีต้องแบกรับความกดดันสาหัสกว่าหลายเท่านักกับ 3 ทัวร์นาเมนต์สุดหินในปีนี้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าสอบผ่านหรือไม่
เกียรติศักดิ์ นำทีมชาติไทย ชุด 23 ปี ทวงเจ้าอาเซียนกลับคืนสู่ถิ่นขวานทอง หลังพาทีมเฉือน อินโดนีเซีย 1-0 ที่ “เนปิดอว์ เกมส์” ก่อนจะได้รับแต่งตั้งจาก สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้ขึ้นแท่นคุม “ช้างศึกชุดใหญ่” ฟาดแข้งทุกรายการตลอดปี 2014 ประกอบด้วยรายการหลักอย่าง เอเชียน คัพ 2015 รอบคัดเลือก นัดสุดท้าย, เอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ซึ่งแน่นอนว่าถือเป็นคนละระดับกัน
โดย “ซิโก้” เปิดใจถึงการเข้ามารับตำแหน่งนี้ว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ในสมาคมฟุตบอลฯที่ไว้ใจตนให้ทำหน้าที่นี้ ซึ่งก็ไม่ถึงกับกดดันเพราะต้องทำให้เต็มที่และดีที่สุดอยู่แล้ว โดย เอเชียน เกมส์ นั้นจะเป็นการสานต่อผู้เล่นจากชุดแชมป์ ซีเกมส์ เพื่อเป้าหมายตามที่สมาคมฟุตบอลฯตั้งเป้าไว้คือรอบ 4 ทีมสุดท้าย ส่วน ซูซูกิ คัพ จะต้องทวงแชมป์คืนมา เพราะการจะก้าวขึ้นไปสู่ระดับเอเชียนั้นเราต้องเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนให้ได้ก่อน”
พร้อมกันนี้ “ซิโก้” ได้เรียกนักเตะชุดแรกทั้ง 23 ราย เข้ามารายงานตัวแล้วเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2557 เพื่อเตรียมประเดิมงานแรกอย่างเป็นทางการด้วยการเปิดบ้านรับมือ เลบานอน ในเกมสั่งลา เอเชียน คัพ ที่แม้ “ช้างศึก” จะตกรอบไปแล้วด้วยผลงานแพ้ 5 นัดรวด แต่เจ้าตัวก็ยังใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุดแบบไม่กลัวเสียงครหาว่าทำให้นักเตะล้าอย่างไม่มีความจำเป็น โดยมีแข้งตัวเก๋า อาทิ ธีรศิลป์ แดงดา กัปตันทีมคนใหม่, ดัสกร ทองเหลา, สินทวีชัย หทัยรัตนกุล และผู้เล่นจากชุดแชมป์ “เนปิดอว์ เกมส์” อย่าง ธีราทร บุญมาทัน, ชาริล ชัปปุยส์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ รวมถึง “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ที่เข้ามาเสียบแทน วุฒิชัย ทาทอง ที่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ “ซิโก้” ได้เผยถึงการเรียกผู้เล่นในครั้งนี้ว่า “ทีมชุดนี้เป็นทีมที่ดีที่สุดที่ตนเคยเห็นมา เพราะมีทั้งนักเตะที่สดและเก๋าผสมกันอย่างลงตัว ซึ่งแม้จะเป็นเกมที่ไม่มีความหมายเนื่องจากตกรอบไปแล้ว แต่ก็จะต้องเล่นเพื่อศักดิ์ศรี รวมถึงเพิ่มคะแนนสะสมในฟีฟาแรงกิง อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมสู้ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ปลายปีนี้ด้วย เพราะหลังจากนี้ตนจะพิจารณาผู้เล่นจากสโมสรใหญ่ๆ ก่อนเป็นหลักเหมือนที่ประเทศชั้นนำทำ”
“สำหรับแผนการเล่นนั้นยังเป็นระบบ 4-3-3 ตามเดิม แล้วให้ผู้เล่นแต่ละคนเข้ามาเรียนรู้แท็กติกที่วางไว้ เพราะแข้งจากแต่ละสโมสรจะมีแบบแผนการเล่นต่างกัน บางครั้งแผนเดียวกันแต่ก็มีวิธีการเล่นไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ผมที่จะต้องอธิบายแล้วเร่งสอนให้ตรงตามแท็กติกที่วางไว้ ในส่วนของ เอเชียน เกมส์ แน่นอนว่าตัวหลักจะมาจากชุดแชมป์ ซีเกมส์ ที่ผ่านมา หลังจากนั้นค่อยมาพิจารณาดูแต่ละตำแหน่งว่าส่วนไหนยังขาดอยู่ แล้วจึงหาผู้เล่นโควตาอายุเกิน 23 ปีเข้ามาเสริม”
ขณะเดียวกัน อดีตกุนซือ ชลบุรี เอฟซี ยังเผยถึงแผนรับมือกับ 3 ทัวร์นาเมนต์ในปีนี้ว่า “หลังจบเกมกับเลบานอน จะเข้าสู่การเตรียมทีมเพื่อลุย เอเชียน เกมส์ อย่างเต็มตัว และหวังว่าจะมีการรวมตัวกันทุกๆ เดือนเหมือนกับที่ทำก่อนไป ซีเกมส์ เพราะเมื่อมีความพร้อม ผลลัพธ์ก็แสดงออกมาให้เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร แต่ครั้งนี้เราไม่อยากที่จะอุ่นเครื่องกับสโมสรในประเทศเหมือนที่ผ่านมาแล้ว เพราะจากนี้จะเป็นเกมระดับเอเชีย ดังนั้นจึงควรที่จะมีเกมกับประเทศชั้นนำอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือประเทศแถบตะวันออกกกลางด้วย ที่สำคัญต้องมีเกมที่เราออกไปเยือนเขาบ้าง ก่อนจะถึงช่วงเก็บตัว 3 สัปดาห์ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่ม และเมื่อจบจาก เอเชียน เกมส์ ก็จะเตรียมทีมเล่นรายการ ซูซูกิ คัพ ที่มีเป้าหมายคือแชมป์”
เชื่อว่าเกมกับ เลบานอน วันพุธที่ 5 มีนาคม นี้ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 21.00 น. แฟนบอลชาวไทยจะตื่นตัวกับกุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่คนใหม่อย่างเป็นทางการ รวมถึงจับตามองเมนูแรกที่จะเสิร์ฟให้เห็นว่ารูปร่างหน้าตาของ “ช้างศึกสไตล์ซิโก้” จะออกมาเป็นอย่างไร ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับ สมาคมฟุตบอลฯว่าจะช่วยสนับสนุนได้ขนาดไหนเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้