สตีเวน เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติอังกฤษ ออกมาเผยว่า ลิเวอร์พูล สามารถช่วงชิงความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ยามถึงคราว ศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เปิดฉากดวลแข้ง หลังเชือด ฟูแลม 3-2 เมื่อคืนวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
พลพรรค “หงส์แดง” คัมแบ็กจากตกเป็นรอง “เจ้าสัวน้อย” โดย แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ศูนย์หน้าตัวเก่ง และ ฟิลิปเป คูตินโญ เพลย์เมกเกอร์บราซิเลียน ก่อน ห้องเครื่องวัย 33 ปี สวมบทฮีโร่ สังหารจุดโทษช่วงทดเจ็บ ช่วยทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ บุกมาคว้า 3 แต้มอันล้ำค่า ออกจากรัง คราเวน คอตเทจ
ทำให้ ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งไม่เคยชื่นชมโทรฟีลีกสูงสุดของอังกฤษ เลย ตั้งแต่ฤดูกาล 1989-90 ไล่จี้ เชลซี จ่าฝูง 4 แต้ม โดยที่ยังมีโปรแกรมฟาดแข้งอีก 12 เกม ขณะเดียวกัน “สิงโตน้ำเงินคราม” กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ต่างก็มีคิวเยือนถิ่น แอนฟิลด์ เช่นกัน
อีกทั้งทีมในกลุ่มท็อปทรี ยังต้องทำศึกฟุตบอลสโมสรยุโรป เริ่มจาก “เรือใบสีฟ้า” รับมือ บาร์เซโลนา (18 ก.พ.กับ 12 มี.ค.), อาร์เซนอล เจอกับ บาเยิร์น มิวนิก (19 ก.พ.กับ 11 มี.ค.) และ ทีมของ โชเซ มูรินโญ ดวล กาลาตาซาราย (26 ก.พ. กับ 18 มี.ค.) ตรงกันข้าม “เดอะ เรดส์” ไม่มีแมตช์กลางสัปดาห์ก่อนปิดซีซัน
“สตีวีจี” กล่าว “เราต้องเดินหน้าต่อไป หากเรายังเกาะกลุ่ม เมื่อเริ่มต้น แชมเปียนส์ ลีก อีกครั้ง ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาทั้งหมดมีเกมสำคัญใน แชมเปียนส์ ลีก ขณะที่เราคิดถึงแค่เพียง 1 เกมต่อสัปดาห์