ASTV ผู้จัดการรายวัน – ศึกลูกหนัง “โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2014” ที่กำลังจะเริ่มนี้รับประกันว่าลุ้นแชมป์กันสนุกแน่นอน เพราะแต่ละทีมต่างจัดเต็มเสริมแกร่งผู้เล่นทั้งไทยและต่างชาติแบบไม่มีใครยอมใคร แต่เหนืออื่นใดผู้ที่จะหลอมรวมแข้งทั้งหมดได้อย่างลงตัวคงหนีไม่พ้นตำแหน่ง “เฮดโค้ช” และเมื่อกวาดตามองดูทีมที่มีศักยภาพพอที่จะลุ้นแชมป์แล้วจะเห็นได้ว่าแต่ละทีมนั้นใช้โค้ชต่างสัญชาติกันแทบทั้งสิ้น MGR SPORT จึงขอพาไปรู้จักกับ “6 กุนซือ 6 เชื้อชาติ” ว่าแต่ละคนจะมีสไตล์การทำทีมเป็นอย่างไร
อเลฮานโดร เมเนนเดส การ์เซีย (สเปน-บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) : แชมป์เก่ายังคงไว้วางใจให้กุนซือสแปนิชคุมทีมต่อไป หลังทำผลงานได้เป็นที่พอใจกวาดทุกถ้วยในประเทศมาครองเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยจุดเด่นของ อเลฮานโดร คงหนีไม่พ้นเรื่องการเน้นลูกทีมให้ต่อบอลจังหวะเดียว หรือ “วันทัช” ตามสไตล์ฟุตบอลสเปน เน้นระบบ 4-3-3 โจมตีด้วยปีก 2 ข้างเป็นหลัก โดยมี คาร์เมโล กอนซาเลซ แข้งดาวซัลโว 23 ประตูซีซันก่อน เป็นหัวใจในแดนกลาง ร่วมกับ สุเชาว์ นุชนุ่ม และ จักรพันธ์ แก้วพรม ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าแนวรุกที่เสริมเข้ามาใหม่อย่าง เจย์ ซิมป์สัน, เลอันโดร ตอร์เรส และ ลโอเนล อัลโตเบลลี จะคมขนาดไหน
สกอตต์ คูเปอร์ (อังกฤษ-เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) : “กิเลนผยอง” ตัดสินใจเลือก คูเปอร์ อดีตกุนซือของบุรีรัมย์เข้ามาคุมทัพ โดยมีเป้าหมายเดียวคือทวงแชมป์กลับคืน ซึ่งการเข้ามาของเฮดโค้ชผู้ดีรายนี้นั้นถูกจับตามองเป็นอย่างมากว่าจะทำทีมดีกรีแชมป์ 3 สมัย ออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายืนยันแล้วว่าจะไม่เล่นบอลโยนยาวตามสไตล์โค้ชอังกฤษแน่นอน และได้พิสูจน์ให้เห็นในเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมาแล้วว่าเน้นเกมรุก 4-3-3 ใช้ความสามารถเฉพาะตัวของ 3 กองหน้า อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, มิลาน บูบาโล และ เจย์โบธรอยด์ ในการทะลุทะลวงล่าตาข่าย โดยมี มาริโอ ยูรอฟสกี กับ ดัสกร ทองเหลา คอยปั้นเกมแทงบอลทะลุช่องจากแดนกลาง
อรรถพล ปุษปาคม (ไทย-บางกอกกล๊าส เอฟซี) : กุนซือสัญชาติไทยรายเดียวที่ติดโผในครั้งนี้ “โค้ชแต๊ก” พิสูจน์แล้วว่าฝีมือไม่เป็นรองฝรั่งตาน้ำข้าวที่พาเหรดเข้ามา เพราะแม้ศักยภาพผู้เล่นจะเป็นรองเหล่าบิ๊กทีม แต่ก็ใช้ระบบและทีมเวิร์กในการต่อกรจนคู่แข่งน้ำตาตกมานักต่อนัก ที่สำคัญเฮดโค้ชวัย 51 ปี ยังมีกึ๋นในการแก้เกมและวางหมากที่ได้รับการยอมรับ เหมือนที่เคยโยก เลอันโดร ดอส ซานโตส แข้งบราซิเลียน จากตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์มาเล่นตัวโฮลด์บอลจนแจ้งเกิดมาแล้ว ที่สำคัญเจ้าตัวแย้มมาว่าแนวรุกลงตัวแล้ว และขอมีชื่อเป็นอีกทีมที่ลุ้นแชมป์
มาซาฮิโร วาดะ (ญี่ปุ่น-ชลบุรี เอฟซี) : เป็นกุนซือต่างชาติรายแรกของ ชลบุรี เอฟซี ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมากว่า 16 ปี ได้รับการการันตีจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล อดีตนายใหญ่ที่ย้ายไปนั่งประธานพัฒนาเทคนิคเต็มตัวว่าไม่ได้มีดีแค่ในสนาม และจะช่วยทำให้ “แข้งฉลามชล” เป็นมืออาชีพมากขึ้น โดย วาดะ เองก็ไม่ต่างจากโค้ชญี่ปุ่นทั่วไปที่เน้นวางรากฐานเรื่องความฟิต และทีมเวิร์กเป็นอันดับแรก ตลอดการฝึกซ้อมช่วงแรกจึงยังไม่ใส่รายละเอียดในเรื่องแท็ฏติกเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องรูปแบบการเล่นก็คงไม่มีสไตล์ที่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ “ฉลามพันธุ์ปลาดิบ” ตัวนี้จะมีพละกำลังและรัดกุมมากขึ้น
โฮเซ อัลเวส บอร์จีส (บราซิล-บีอีซี เทโรศาสน) : อดีตกุนซือบราซิเลียนผู้เคยพาทีมพนักงานยาสูบ คว้าแชมป์ลีกสูงสุด ครั้งที่ 9 เพิ่งได้รับการต่อสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี หลังฤดูกาลก่อนพา “มังกรไฟ” เข้าป้ายอันดับ 7 โดยจุดเด่นของ บอร์จีส นั้นอยู่ที่ประสบการณ์ของเจ้าตัวที่เข้าใจฟุตบอลในแถบภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี และสามารถนำปรับมาใช้ให้เข้ากับสไตล์แซมบ้าได้อย่างลงตัว เน้นบอลภาคพื้น ต่อบอลสั้นด้วยความเร็ว เข้ากับนักเตะของทีมที่ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างเล็ก ที่สำคัญต้นสังกัดได้มอบหมายให้เจ้าตัวเป็นผู้ดูแลและวางรากฐานให้กับแข้งเยาวชนที่จะก้าวขึ้นมาอีกด้วย
มาโน โพลกิง (เยอรมนี-สุพรรณบุรี เอฟซี) : กุนซือลูกครึ่งเยอรมัน-บราซิเลียน เข้ามารับจ๊อบในประเทศไทยเป็นปีที่ 3 แล้ว นับตั้งแต่เข้ามาเป็นมือขวา วินฟรีด เชเฟอร์ อดีตนายใหญ่ทีมชาติไทย และล่าสุดด้วยสไตล์การคุมทีมของเจ้าตัวที่เน้นวินัยในการฝึกซ้อมตามนิสัยหนุ่มเมืองเบียร์ แถมมีสไตล์การทำทีมแบบบราซิล บวก สเปน คือ เน้นการต่อบอลอย่างเป็นระบบ ทำให้ไปโดนใจ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ทันที ซึ่งเจ้าตัวก็ตัดสินใจย้ายจาก อาร์มี่ ยูไนเต็ด มาพร้อมแข้งคู่บุญอย่าง บียอร์น ลินเดมันน์ กองกลางเพื่อนร่วมชาติ
สำหรับศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2014 จะประเดิมฟาดแข้งนัดแรกวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นี้ และได้มีการคลอดคิวแข่งขันออกมาเรียบร้อย โดยท็อป 4 จากซีซันที่แล้วจะได้เล่นในบ้านทั้งหมด “ปราสาทสายฟ้า” พบ สงขลา ยูไนเต็ด, “กิเลนผยอง” เจอ ชัยนาท เอฟซี, “ฉลามชล” รับ เพื่อนตำรวจ และ “ช้างศึกยุทธหัตถี” พบ ราชบุรี