เอเอฟพี - ศึกเทนนิส ออสเตรเลียน โอเพน ประเภทชายเดี่ยว รอบ 8 คนสุดท้าย กำลังจะมีบิ๊กแมตช์เกิดขึ้นวันที่ 22 มกราคม ระหว่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แชมป์ แกรนด์ สแลม 17 สมัย กับ แอนดี เมอร์เรย์ มือ 4 ของโลกชาวสกอต ซึ่งหวดชื่อดังทั้งสองต้องห้ำหั่นกันโดยมีตั๋วเข้ารอบตัดเชือกเป็นเดิมพันสำคัญในการลุ้นแชมป์
“เฟดเอ็กซ์” วัย 32 ปี กลับมาสู่ฟอร์มที่ดีอีกครั้งในปีนี้ หลังเปลี่ยนมาใช้บริการของ สเตฟาน เอ็ดเบิร์ก ตำนานนักหวดมือ 1 โลกชาวสวีดิช มาเป็นติวเตอร์ ก่อนผลงานวิ่งฉิวเข้ารอบชิงชนะเลิศ บริสเบน อินเตอร์เนชันแนล แม้จะพลาดแชมป์ให้กับ เลย์ตัน ฮิววิตต์ อดีตมือ 1 โลกเจ้าถิ่น แต่ด้วยลีลาการเล่นที่เคลื่อนไหวเร็วกว่าเดิม แถมมีลูกช็อตพิฆาตสวยๆ ให้ได้อ้าปากค้าง ถือเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า อดีตมือ 1 โลกคนนี้ ไม่ใช่คนเดิมกับที่ตกรอบสอง แกรนด์ สแลม วิมเบิลดัน หรือ ยูเอส โอเพน 16 คนสุดท้ายอีกแล้ว
ขณะที่ เมอร์เรย์ ที่มี อิวาน เลนเดิล ตำนานของเช็กมาช่วยดูแลฟอร์มการเล่นจนคว้าสแลม ยูเอส โอเพน และ วิมเบิลดัน ได้ในช่วง 2 ปีหลังสุด เผชิญกับปัญหาสำคัญเมื่อต้องแบกร่างกายที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดบริเวณแผ่นหลัง ลงสนามท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุที่ เมลเบิร์น แม้จะฝ่าเข้ามาถึงรอบ 8 คนสุดท้ายได้แต่ก็ทุลักทุเลไม่น้อย แต่สิ่งที่เหนือกว่า “เฟดเอ็กซ์” คือสถิติการเจอกันซึ่งตลอด 20 ครั้ง เป็น เมอร์เรย์ ได้เฮถึง 11 แมตช์ แพ้ 9
ก่อนเกม เฟเดอเรอร์ เผยรู้สึกดีใจไม่น้อยที่ตัดสินใจเลือก เอ็ดเบิร์ก มาร่วมงานด้วย และเชื่อมั่นว่าจะมีโอกาสเอาชนะคู่แข่งได้ โดยกล่าวว่า “สำหรับผม ไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกต่อไปแล้ว หลังรู้ว่าตัวเองกำลังเดินไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ผมสามารถทำทุกสิ่งได้ตามที่ต้องการ รวมถึงแท็กติกต่างๆ ซึ่งมันใช้ได้ผลทีเดียว และทำให้ผมมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นทุกครั้งที่ลงเล่น”
ส่วน เมอร์เรย์ วัย 26 ปี รองแชมป์ 3 ปี (2010-11, 2013) ยอมรับแม้เผชิญหน้ากับ เฟเดอเรอร์ ที่สังขารโรยรา แต่ก็ประมาทไม่ได้เลย “ถือเป็นแมตช์สำคัญ โรเจอร์ เล่นรายการนี้ได้ดีเสมอ (แชมป์ 4 สมัย) ขณะเดียวกันก็ไม่อยากคาดหวังมากว่าจะเป็นผู้ชนะ เพราะถือว่าดีแล้วที่ผ่านมาถึงรอบนี้ทั้งที่มีปัญหาบาดเจ็บ ที่ผ่านมาผมเล่นกับเขามา 20 ครั้ง จนรู้แล้วว่าต้องทำยังไงถึงจะเอาชนะเขาได้ แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้เสมอ”
สำหรับผู้ชนะคู่นี้ มีสิทธิ์เข้าไปเจอกับ ราฟาเอล นาดาล มือ 1 โลกคนปัจจุบันค่อนข้างสูง หลังอีกฝ่ายเจอกับมือรองอย่าง กริกอร์ ดิมิตรอฟ จาก บัลแกเรีย ดังนั้นเป็นที่น่าจับตาไม่น้อยว่าสุดท้ายแล้ว “เฟดเอ็กซ์” ที่คืนชีพกลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้ง กับ เมอร์เรย์ ที่มีปัญหาสภาพความฟิต ใครจะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ซึ่งดูทรงแล้วจากการที่ทั้งคู่ต้องดวลกันถึง 5 เซตมาแล้วใน วิมเบิลดัน ปี 2012 เชื่อว่าเกมคงไม่จบกันที่ 3 เซตอย่างแน่นอน