xs
xsm
sm
md
lg

“10 โค้ชไทย” ยึดพื้นที่เก้าอี้ไทยลีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

10 กุนซือไทย ฤดูกาล 2014
หลังจากที่บรรดาทีมในศึกลูกหนังโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก หันไปเลือกใช้บริการของ “กุนซือต่างชาติ” มากขึ้น ทำให้ค่อยๆ เบียดพื้นที่เทนเนอร์ชาวไทยตกกระป๋องทีละน้อย โดยล่าสุดเป็น “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กับ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ที่ต้องหลีกทางให้ รุย เบนโต (โปรตุเกส) และ คาร์ลอส โรแบร์โต คาวัลโญ (บราซิล) ตามลำดับ MGR SPORT จึงขอพาไปรู้จักกับ 10 กุนซือชาวสยาม ที่ยังสามารถยึดเก้าอี้หัวเรือใหญ่คุมทัพสู้ศึกฤดูกาลใหม่นี้ให้ได้อ่านกัน
โค้ชแต๊ก ประสบการณ์ล้น
อรรถพล ปุษปาคม (บางกอกกล๊าส เอฟซี) : เทรนเนอร์วัย 51 ปี ถูกยกให้เป็นกุนซือระดับต้นๆ ของเมืองไทย ผ่านประสบการณ์คุมทีมมาแล้วอย่างโชกโชนตั้งแต่พา เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุด ปี 2009 ก่อนจะถึงจุดพีคของอาชีพด้วยการนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กวาด 3 แชมป์ในประเทศ เมื่อปี 2011 อีกทั้งยังเคยพา บีอีซี เทโรศาสน ซิวรองแชมป์ศึกฟุตบอลชิงถ้วยสโมสรเอเชีย หรือ “เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก” อีกด้วย โดยฤดูกาลที่จะถึงนี้ “โค้ชแต๊ก” ประกาศแล้วว่าจะขอพา “บีจี” ลุ้นแชมป์ ดังนั้นเชื่อว่านอกจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทยแล้วคงไม่มีอะไรที่จะมากระชากเจ้าตัวออกจากเก้าอี้ได้ง่ายๆ
โค้ชง้วน ยังอยู่ชัยนาทฯ
สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ (ชัยนาท เอฟซี) : แม้จะแว่บไปรับงานคุมทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เมื่อช่วงกลางเลก 2 ซีซันที่แล้ว แต่ผลงานของ ชัยนาทฯ ก็ยังทรงตัวจบที่อันดับ 10 ของตาราง ที่สำคัญผู้บริหารทีมก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนสไตล์ไปใช้บริการโค้ชนอกแต่อย่างใด แถมซีซันนี้ยังได้ “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ อดีตกุนซือผู้พา ชลบุรี เอฟซี คว้าแชมป์ลูกหนัง ไทย พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2007 มาเป็นมือขวาอีกด้วย แฟนๆ “นกใหญ่พิฆาต” คงจะได้เห็นกุนซือวัย 44 ปี รายนี้โชว์กึ๋นในถิ่นเขาพลอง สเตเดียม ต่อไปแน่นอน
อ.พยงค์ ย้ายซบสงขลาฯ
พยงค์ ขุนเณร (สงขลา ยูไนเต็ด) : สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมพา สุพรรณบุรี เอฟซี ในฐานะน้องใหม่ลีกสูงสุดจบที่อันดับ 4 ฤดูกาลที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้กับ มาโน โพลกิง เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ตกลงปลงใจกับ "วัวชนแดนใต้" ที่เห็นค่าหมายมั่นว่าจะใช้ประสบการณ์ของเฮดโค้ชวัย 46 ปี ช่วยพาทีมรอดพ้นการหนีตกชั้น
โค้ชหนุ่ย คุมพลังเอ็มต่อ
เฉลิมวุฒิ สง่าพล (โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี) : เข้ามารับไม้ต่อจาก “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก และทำผลงานเรื่อยๆ มาเรียงๆ จนจบฤดูกาลที่แล้วด้วยอันดับ 8 ซึ่งแม้จะไม่หวือหวานักแต่เจ้าตัวก็เป็นของดีราคาไม่แพง เหมาะสำหรับทีมระดับกลางตารางเป็นอย่างดี โดยสัญญาของเจ้าตัวก็ยังมีเหลือยันจบฤดูกาลใหม่ และสไตล์ของ “พลังเอ็ม” ก็ไม่ใช่ทีมที่เปลี่ยนโค้ชพร่ำเพรื่อ แฟนๆ คงเห็น “โค้ชหนุ่ย” คุมบังเหียนต่อไปจนจบซีซัน
กัปตันโจ ควบโค้ชแอนด์เพลย์เยอร์
ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น (เชียงราย ยูไนเต็ด) : หลังจากเลือกใช้งานกุนซือต่างชาติอย่าง สเตฟาโน คูกูร์รา (บราซิล) และ เฮงค์ วิสมัน (ฮอลแลนด์) แต่สุดท้ายทีมก็ไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังต้องลุ้นหนีตายจนเกือบจะนัดสุดท้ายของซีซัน ทำให้บอร์ดบริหารหันมาเลือกโค้ชไทยแทน โดยตัดสินใจดันลูกหม้ออย่าง “กัปตันโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ขึ้นเป็นเฮดโค้ชแอนด์เพลย์เยอร์ ขัดตาทัพไปพลางๆ ซึ่งหากผลงานดีก็คงได้ทำหน้าที่ต่อยาวๆ แต่ถ้ายังไม่กระเตื้องเชื่อได้ว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์ในถิ่นยูไนเต็ด สเตเดียม ก็เป็นได้
โค้ชตู่ ช่วยกูปรีตั้งไข่
พนิพล เกิดแย้ม (ศรีสะเกษ เอฟซี) : “กูปรีอันตราย” ต้องประสบปัญหาทีมแตก หลังเพิ่งพ้นวิกฤตปัญหาการแย่งสิทธิ์ทำทีมกับ อีสาน ยูไนเต็ด ทำให้ต้องเร่งหาแม่ทัพรายใหม่มาฟอร์มทีม ครั้นจะเลือกใช้โค้ชต่างชาติก็ยังไม่สมควรแก่เวลาเพราะไม่รู้ว่าคู่กรณีจะมีไม้ไหนมาเล่นแง่อีก จึงลงรอยเลือก “โค้ชตู่” ที่พกประสบการณ์ระดับเอไลเซนส์ มาให้เป็นผู้ตั้งไข่ให้กับทีม ซึ่งด้วยประสบการณ์และความผูกพันกับผู้เล่นไทยของเจ้าตัวแล้วคงไม่ใช่เรื่องยากที่จะช่วยประคองทีมออกสตาร์ทในฤดูกาลใหม่
น้าฉ่วย มีงบช้อป
สมชาย ชวยบุญชุม (สมุทรสงคราม เอฟซี) : ฉายา “เจ้าพ่อหนีตกชั้น” ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย “โค้ชฉ่วย” แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถพา “ปลาทูคะนอง” รอดตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้งทั้งที่มีปัญหาเรื่องงบประมาณทำทีมเกือบทุกปี จึงถือว่าลงล็อคเข้าคู่กันได้อย่างลงตัว แต่สำหรับ 2014 นี้ บอร์ดแม่กลองมีงบประมาณเพิ่มขึ้นต้อนนักเตะใหม่เข้ารังแล้วเกือบ 20 คน จึงต้องจับตาดูว่า “เทพฉ่วย” จะร่ายมนต์พาทีมไปไกลขนาดไหน
โค้ชชาย ยังไว้ลาย
สมชาย ทรัพย์เพิ่ม (ทีโอที เอสซี) : ทำทีมท่ามกลางปัญหาความเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จนประสบปัญหาทางด้านการเงินตามมา เพราะเบิกจ่ายล่าช้า แต่ “โค้ชชาย” ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำทีมต่อไปโดยไม่บ่นสักแอะ ที่สำคัญยังถึงขนาดยอมควักกระเป๋าตนเองและไปหยิบยืมเงินกู้นอกระบบ มาจ่ายเงินเดือนให้กับนักเตะก่อน ดังนั้นการที่สโมสรจะแยกทางกับกุนซือผู้ทุ่มสุดใจรายนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ แน่นอน เหลือเพียงแต่เจ้าตัวเองว่าจะทนแบกรับได้นานขนาดไหน
โค้ชเกลี้ยง ฝากตำนานกับแอร์ฟอร์ซ
นราศักดิ์ บุญเกลี้ยง (แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี) : พา แอร์ฟอร์ซฯ คว้าแชมป์ยามาฮ่า ลีก วัน (ดิวิชัน1) พร้อมตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งหลังจากจมปรักในลีกรองมาเกือบ 10 ปี แม้ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลจะมีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวอาจจำต้องหลีกทางให้กับโค้ชต่างชาติ แต่สุดท้าย “โค้ชเกลี้ยง” ก็ยังยึดเก้าอี้ตัวเองได้อย่างเหนียวแน่น แต่ทั้งนี้ก็ต้องจับตาดูว่าเมื่อเปิดฉากแล้วผลงานจะเป็นอย่างไร เพราะเจ้าตัวก็ออกมาเปรยแล้วว่าหากผลงานไม่ประทับใจใน 5 นัดแรกก็ยินดีให้บอร์ดพิจารณา
ดุสิต เตรียมพิสูจน์ฝีมือ
ดุสิต เฉลิมแสน (สิงห์ ท่าเรือ) : เช่นเดียวกับรายก่อนหน้านี้ “โค้ชโอ่ง” พาทีมคัมแบ็กสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ หลังจาก “สิงห์เจ้าท่า” มีปัญหาภายในจนต้องร่วงตกชั้นและเปลี่ยนโฉมใหม่ในฤดูกาลก่อน ซึ่งต้องบอกว่าการร่วมงานกันของทั้งคู่นั้นถือว่าลงตัว เพราะคงมีกุนซือไม่กี่รายที่จะยอมมารับเผือกร้อนชิ้นนี้ และ แพท สเตเดียม เองยังเป็นที่ๆเหมาะที่สุดที่ อดีตแบ็กซ้ายดาราเอเชีย จะสั่งสมบ่มเพาะประสบการณ์การเป็นโค้ชได้อย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น