จบลงไปเรียบร้อยสำหรับศึกลูกหนัง โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2013 ด้วยการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่โชว์ฟอร์มสมราคาคุยด้วยการเถลิงบัลลังก์ไร้พ่ายไม่แพ้ทีมใดตลอดซีซัน แต่เมื่อมีทีมสมหวังก็ย่อมมีทีมที่ผิดหวัง ทีมใดช้ำใจก็จะต้องปรับเปลี่ยน และตำแหน่งที่ถูกเพ่งเล็งเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้นหัวหน้าผู้ฝึกสอน MGR SPORT จึงขอเก็งรายชื่อกุนซือที่มีแววจะเปลี่ยนงานใหม่มาให้ได้จับตากัน
เรเน เดอซาเยียร์ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
ฤดูกาลที่ผ่านมา “กิเลนผยอง” เปลี่ยนกุนซือถึง 3 ราย ไล่ตั้งแต่ “ย็อคกา” สลาวิซา โยคาโนวิช เทรนเนอร์ชาวเซิร์บที่พาทีมเป็นแชมป์เมื่อปี 2012 ที่ต้องโดนเด้งแบบงงๆเพื่อหลีกทางให้ “วินนี” วินฟรีด เชเฟอร์ อดีตนายใหญ่ทีมชาติไทยเข้ามาเสียบแทน แต่แล้วหลังจากคุมทีมได้เพียงแค่ 6 นัด เฮดโค้ชเมืองเบียร์ก็ทิ้งระเบิดลูกโตสะบัดก้นหนีไปรับงานทีมชาติจาเมกาแบบไม่บอกกล่าวแฟนบอล
สุดท้ายหวยจึงไปตกที่ เรเน เดอซาเยียร์ ที่ได้หวนกลับมาอีกคำรบหลังเคยพาทีมคว้าโทรฟีเมื่อปี 2010 แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่งานง่ายของโค้ชเบลเยียม เมื่อสุดท้ายต้องเสียแชมป์ให้กับคู่ปรับอย่างบุรีรัมย์ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่บอร์ดบริหารจะพิจารณาว่าผลงานไม่เข้าเป้าและต้องปิดจ๊อบแต่เพียงเท่านี้ และล่าสุด “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรได้ออกมาแย้มเองแล้วว่ากำลังมองหากุนซือรายใหม่อยู่ ทำให้โอกาสที่เจ้าตัวจะพ้นตำแหน่งแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว
พยงค์ ขุนเณร (สุพรรณบุรี เอฟซี)
แม้จะสร้างผลงานด้วยการพา “ช้างศึกยุทธหัตถี” กระหึ่มเวทีไทยลีก ติดลมบนจนจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ทั้งที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แต่อนาคตของกุนซือวัย 46 ปีรายนี้ กลับยังไม่นิ่ง และมีแนวโน้มที่จะต้องเก็บกระเป๋าออกจากเมืองสุพรรณเพื่อหางานใหม่ เนื่องมาจากมีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวเกิดความขัดแย้งกับ อเดบาโย กาเดโบ ผู้อำนวยการสโมสรชาวไนจีเรีย รวมถึงผลงานในเลก 2 ยังดร็อปลงไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนต้นฤดูกาล ทำให้บอร์ดบริหารจำต้องหาเฮดโค้ชรายใหม่มาทำหน้าที่แทน โดยกำลังตกเป็นข่าวสนใจในตัว มาโน โพลกิง กุนซือของอาร์มี ยูไนเต็ด ที่อนาคตยังไม่แน่นอนกับต้นสังกัดเช่นเดียวกัน
มาโน โพลกิง (อาร์มี ยูไนเต็ด)
อดีตมือขวา วินฟรีด เชเฟอร์ ได้รับเสียงชื่นชมมากมาย หลังจากเข้ามาทำให้ทัพบกกลับมาติดอาวุธอีกครั้ง คว้าชัย 4 เกมรวด ระเบิดไป 13 ประตู หนำซ้ำยังไม่แพ้ถึง 8 เกมติดช่วงต้นฤดูกาล ก่อนปิดซีซันด้วยอันดับ 6 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับสัญญาฉบับใหม่จากต้นสังกัด เนื่องจาก “วงจักรพิฆาต” กำลังจ่อตั้ง แม็ตต์ เอลเลียต ตำนานของเลสเตอร์ ซิตี เข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้เจ้าตัวต้องหางานใหม่และเป็นไปได้สูงที่จะย้ายไปคุมทีม สุพรรณบุรี เอฟซี
สะสม พบประเสริฐ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
“โค้ชเตี้ย” พาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จแม้จะต้องลุ้นยันนัดรองสุดท้ายก็ตาม ซึ่งก็ไม่ถือว่าเลวร้ายเท่าไหร่สำหรับน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แต่หากเทียบกับเม็ดเงินก้อนโตที่บอร์ดบริหารทุ่มให้จับจ่ายใช้สอยโดยเฉพาะจาก “ทรูวิชั่นส์” ด้วยแล้ว อาจจะไม่ประทับใจเท่าใดนักที่ทีมต้องมากระเสือกกระสนจนจะปิดซีซันแทนที่จะลิ่วอยู่กลางตาราง ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับสโมสรว่าจะไว้ใจให้กุนซือวัย 46 ปีรายนี้ทำงานต่อหรือไม่ หรือหากต้องแยกทางกันจริงจะลงเอยด้วยวิธีใด เพราะเท่าที่ประกาศมาว่าจะส่งไปอบรมที่ต่างประเทศ โดยจะมีโค้ชต่างชาติรายใหม่เข้ามาช่วยงานแทนนั้นอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก และก่อนหน้านี้ “แข้งเทพ” ก็เคยตกเป็นข่าวกับ สกอตต์ คูเปอร์ อดีตกุนซือบุรีรัมย์มาครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้ยังต้องจับตาดูว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
สมชาย ชวยบุญชุม (สมุทรสงคราม เอฟซี)
“เทพฉ่วย” ของชาวแม่กลองเสกมนต์ช่วยทีมรอดพ้นการตกชั้นได้อีกครั้งสมกับที่ตนเองคุยโวไว้ก่อนหน้าว่า โซนนี้ใครมาแข่งด้วยก็ต้องลำบาก แต่แทนที่จะได้รับเสียงสรรเสริญเหมือนที่แล้วมา กลับโดนแฟนบอลตัวเองและทีมงานบริหารบางรายไม่พอใจและก่นด่าให้ได้ยินจากผลงานที่ลุ่มๆ ดอนๆ ตลอดซีซัน ทำให้กุนซือวัย 59 ปี เริ่มท้อใจหลังตกเป็นแพะอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งที่ต้องทำทีมแบบตามมีตามเกิดเนื่องจากฝ่ายบริหารไม่มีงบสนับสนุนเท่าที่ควร จึงออกมาเปรยว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปสงสัยคงต้องใส่เกียร์ถอยเพราะไม่อยากเครียดแบบนี้อีกแล้ว
จเด็จ มีลาภ (พัทยา ยูไนเต็ด)
อีก 1 กุนซือพเนจร ปีล่าสุดชีพจรลงเท้าต้องโยกจาก สงขลา ยูไนเต็ด ไปช่วย “โลมาฟ้าขาว” กู้วิกฤตกลางฤดูกาล แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จต้องจรลีตกชั้นสู่ดิวิชัน 1 ทำให้อนาคตของอดีตเฮดโค้ชแชมป์ไทยลีกปี 2007 ไม่แน่นอนอีกครั้ง เนื่องจากสัญญาจริงๆ ของตนอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี ดังนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับบอร์ดบริหารว่าจะให้หันหัวเรือไปทางไหน แม้จะมีข่าวว่าได้ขออ้อนกลับไปคุมทีมฉลามชลต่อ แต่ก็ยังไม่ได้รับไฟเขียวเสียที ครั้นจะให้จมปรักอยู่กับพัทยาก็หาใช่เรื่องไม่ เพราะฝีมือระดับ “เซอร์เด็จ” ยังคุมทีมในไทยลีกได้สบายๆ และแว่วๆ ว่า “พลังเพลิง” ปตท.ระยอง จ่อเปิดโต๊ะเจรจาอยู่เช่นกัน
โชเซ อัลเวส บอร์จีส (บีอีซี เทโรศาสน)
“มังกรไฟ” เป็นอีกทีมที่มีการปรับเปลี่ยนเฮดโค้ชหลายรายในฤดูกาลที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่ สเตฟาน เดโมล ต่อด้วย เรเน เดอซาเยียร์ ตลอดจนกุนซือขัดตาทัพอย่าง โชคทวี พรหมรัตน์ กับ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค สุดท้ายมาลงเอยกับ โชเซ อัลเวส บอร์จีส เทรนเนอร์บราซิเลียน ที่เคยพาทีมพนักงานยาสูบ คว้าแชมป์ไทยลีกครั้งที่ 9 แต่สุดท้ายผลงานก็ยังไม่กระเตื้องลุ่มๆ ดอนๆ ตลอดฤดูกาล ก่อนจบด้วยอันดับ 7 ห่างไกลจากที่ตั้งเป้าก่อนเปิดซีซันมากโข ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงที่ “มังกรหลับ” จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหากหวังที่จะกลับมาผงาดเทียบเคียงทีมชั้นนำบนหัวตารางในซีซันหน้า
