ASTV ผู้จัดการรายวัน – ศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2013 โคจรมาถึงช่วงสุดท้ายของฤดูกาล นอกจากการลุ้นแชมป์ของ 2 มหาอำนาจอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยังมีอีก 1 ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ 7 ทีมโซนท้ายตารางที่กำลังดิ้นหนีตายกันสุดชีวิต โดย 2 นัดสุดท้ายสามารถพลิกชะตาได้ทุกหน้า หากใครพลาดท่าโชคร้ายได้ตั๋วมรณะที่มีเพียงใบเดียวร่วงตกชั้น นั่นจะนำมาซึ่งการสูญเสียรายได้กว่า 20 ล้านบาท
หลังจากที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีมติแขวนทีม ศรีสะเกษ เอฟซี โดยยกเลิกผลการแข่งขันทั้งหมดแล้วให้คงสิทธิ์อยู่ในลีกสูงสุดต่อไป พร้อมลดโควตาการตกชั้นเหลือเพียงอันดับ 17 ทีมเดียว ก่อนจะบวกกับ 3 ทีมที่เลื่อนชั้นมาปรับเพิ่มเป็น 20 ทีมในฤดูกาล 2014 ทำให้ 7 ทีมในโซนหนีตายต้องตื่นตัวมากกว่าเดิม
โดยสถานการณ์ตอนนี้ทีมที่ยังต้องลุ้นประกอบไปด้วย แบงค็อก ยูไนเต็ด (อันดับ 11) มี 31 คะแนน, สมุทรสงคราม เอฟซี (อันดับ 12) มี 29 คะแนน, สงขลา ยูไนเต็ด (อันดับ 13) มี 29 คะแนน, เชียงราย ยูไนเต็ด (อันดับ 14) มี 28 คะแนน, ทีโอที เอสซี (อันดับ 15) มี 28 คะแนน, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี (อันดับ 16) มี 26 คะแนน และ พัทยา ยูไนเต็ด (อันดับ 17) มี 26 คะแนน ซึ่งหากจบซีซันแล้วมีทีมคะแนนเท่ากันจะวัดกันที่เฮดทูเฮดก่อน ต่อด้วยคิดประตูได้เสีย
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว “แข้งเทพ” มีโอกาสรอดมากกว่าเพื่อน ขอเพียงแต้มเดียวก็จะลอยลำ เพราะเฮดทูเฮดดีกว่าทั้ง ราชบุรี และ พัทยา แต่เกมหน้าลูกทีมของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ ต้องรับการมาเยือนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการ 3 คะแนนเพื่อซิวแชมป์ จึงไม่ใช่งานง่าย รวมถึงนัดสุดท้ายที่ต้องไปเยือน เชียงราย ด้วย แต่ทั้งนี้หากพลาดท่าทั้ง 2 นัด แบงค็อก ต้องภาวนาให้ทีมอันดับ 16-17 สะดุดเสมอนัดใดนัดหนึ่ง ตัวเองก็ยังรอดอยู่ดี
ส่วน สมุทรสงคราม กับ สงขลา ที่มี 29 แต้ม และ เชียงราย กับ ทีโอที ที่มี 28 แต้มนั้น สถานการณ์เป็นงูกินหางต้องลุ้นกันนัดต่อนัด เพราะหากพลาดท่าก็ยังมีผลคู่อื่นมารองรับได้ โดยเกมหน้าถ้า “เดอะ ไฟท์ติง บูลส์” บุกไปคว้าชัยเหนือ “ฮัลโหล” สำเร็จก็จะรอดเลย พร้อมถีบลูกทีมของ สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ให้ตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากเกมสุดท้ายต้องไปเยือนของแข็งอย่างบุรีรัมย์ แต่กลับกันหากทีมจากถิ่นแจ้งวัฒนะเก็บชัยได้โอกาสรอดก็จะมีสูงเช่นกัน
ด้าน “กว่างโซ้ง” ที่กำลังฟอร์มแรง 5 นัดหลังสุดคว้าชัยถึง 4 เกม แพ้เพียงนัดเดียว แมตช์หน้าถ้าบุกไปยันเสมอพัทยาได้แล้วราบุรีแพ้ ก็จะลอยลำทันทีเพราะเฮดทูเฮดเหนือกว่า "ราชันมังกร" แต่ทั้งนี้ พัทยา ก็ต้องสู้ถวายหัวอย่างเดียว เพราะถ้าปราชัยแล้ววันเดียวกัน ราชบุรี สามารถเปิดรังชนะ “โล่ห์เงิน” เด็กของ จเด็จ มีลาภ จะตกชั้นทันที เนื่องจากผลงานพบกันด้อยกว่าทีมเมืองโอ่ง ชนิดแพ้ทั้งไปและกลับ
ดังนั้นเมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้ว เป็นไปได้ที่สุดน่าจะเหลือเพียง ราชบุรี กับ พัทยา ที่ต้องห้ำหั่นกันในนัดสุดท้าย ซึ่งต้องบอกว่า พัทยา นั้นดูข่มกว่า เพราะผลงานระยะหลังเริ่มกระเตื้องขึ้น หลังจากได้ “เซอร์เด็จ” เข้ามาคุมทีม 8 นัดหลังสุดคว้าชัยได้ถึง 4 เกม โดยมี เซอร์เก ไดเชนโก ตัวรุกรัสเซียเป็นคีย์แมนสำคัญ ร่วมกับ ภานุวัฒน์ จินตะ กับ เกรียงไกร พิมพ์รัตน์ ส่วน “ราชันมังกร” นั้นไม่สามารถควานหาชัยชนะได้เลยตลอด 7 เกมหลังสุด อิบัน ปาลังโก กุนซือชาวสแปนิชที่ออกสตาร์ทได้สวย แต่สุดท้ายยังแก้ปัญหาเกมรับไม่ตก แม้ จอห์น โอเบรกอน กับ ดักลาส คาร์โดโซ 2 หอกตัวเก่งจะยิงให้ทีมรวม 3 ลูกจากทั้งหมด 4 ประตู ใน 4 เกมหลัง แต่แผงหลังกลับเสียไปถึง 7 ประตู
ซึ่งนัดรองสุดท้ายวันที่ 27 ตุลาคม นี้ ถ้าผลการแข่งขันไม่ออกมาเป็น ราชบุรี ชนะ อินทรีเพื่อนตำรวจ และพัทยา แพ้ เชียงราย ก็ยังไม่รู้โฉมหน้าทีมโชคร้ายแน่นอน แต่จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะมีทีมใดที่รอดแล้วบ้างและเหลืออีกกี่ทีมที่ต้องลุ้นกัน โดยคู่อื่น แบงค็อก พบ บุรีรัมย์, ชลบุรี เอฟซี พบ สมุทรสงคราม, ทีโอที พบ สงขลา
จากนั้นนัดสุดท้ายวันที่ 3 พฤศจิกายน จะเป็นการชี้ชะตาบทสรุปทั้งหมด โดยไฮไลต์น่าจะอยู่ที่คู่ระหว่าง ราชบุรี พบ สมุทรสงคราม และ อินทรีเพื่อนตำรวจ พบ พัทยา ส่วนคู่อื่นที่มีเอี่ยว เชียงราย พบ แบงค็อก, สงขลา พบ สุพรรณบุรี เอฟซี และ บุรีรัมย์ พบ ทีโอที ซึ่งทุกคู่จะลงเตะพร้อมกันเวลา 18.00 น.ทั้งสองนัด