“แรงเกินยั้งใจ” แข้งพันล้านรายต่อไป?

เอเยนซี - เขย่าซัมเมอร์ที่ผ่านมาจนอึกทึกครึกโครม สำหรับการโยกย้ายของ แกเร็ธ เบล ปีกจากเวลส์ที่สร้างสถิติโลกขึ้นใหม่ 86 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,836 ล้านบาท) จาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ไปกระชากลากเลื้อยสุดสะเด่าภายใต้ยูนิฟอร์ม รีล มาดริด รวมไปถึง 2 ดาวยิงระดับเวิลด์คลาสที่พร้อมใจกันไปผจญภัยยัง ลีก เอิง ฝรั่งเศส ทั้ง ราดาเมล ฟัลเกา (แอตเลติโก มาดริด ไป โมนาโก) และ เอดินสัน คาวานี (นาโปลี ไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากตลาดเปิดครั้งต่อไปไม่ว่าจะรอบสองตลอดเดือนมกราคม 2014 นี้หรือช่วงปิดฤดูกาล จะมีการซื้อ-ขายที่ทำให้แฟนลูกหนังต้องครางฮือ MGR SPORT จึงได้รวบรวมว่าที่แข้งพันล้านรายต่อไปมาฝากกันดังนี้

ดิเอโก กอสตา - การจากไปของ ฟัลเกา ที่ล่าตาข่ายยิงระเบิดเถิดเทิงให้กับถิ่น บิเซนเต กัลเดรอน อยู่ 2 ฤดูกาล เหมือนฟ้าเปิดเป็นใจให้ กอสตา หลุดออกจากร่มเงาดาวยิงหน้าหยกทีมชาติโคลัมเบีย พร้อมได้โชว์แสนยานุภาพยอดกองหน้าเต็มตัวภายใต้เสื้อหมายเลข 19 นับตั้งแต่ย้ายมาเมื่อปี 2007 ก่อนระหกระเหินถูกปล่อยให้ บรากา, เซลตา บีโก, อัลบาเซเต และ ราโย บาเยกาโน ยืมใช้งาน ประกอบกับวัย 25 ปีที่ถือว่าเป็นช่วงที่นักเตะมั่นใจสุดขีด รวมถึงส่วนหนึ่งก็ต้องชม ดิเอโก ซิเมโอเน กุนซือ แอต มาดริด ที่ไว้ใจและให้โอกาสจนซัดไป 19 ประตูจาก 17 นัดในลีก แต่ถ้ารวมทุกรายการตัวเลขก็ใช่ย่อย 23 ประตูจาก 23 นัด โดยเกิดที่บราซิล แต่มีเชื้อสายสแปนิช แม้จะติดธง "แซมบ้า" ชุดใหญ่ไปแล้ว ก่อนที่เดือนกันยายน 2013 สเปน จะทำเรื่องแจ้งไปยัง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ระบุว่าได้อนุมัติสัญชาติให้แข้งรายนี้แล้ว ตั้งแต่หน้าร้อนที่ผ่านมา ส่วนนักเตะก็ปรารถนาอยากเล่นให้ "กระทิงดุ" และแจ้งไปยัง หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี กุนซือทัพ "เซเลเซา" ซึ่งก็ไม่ขัดข้อง เพราะถ้าไม่มีใจก็ไม่รู้จะรั้งไว้ทำไมและเมื่อพูดแบบนี้แล้วจึงถือเป็นการเพิกถอนสิทธิโดยอัตโนมัติ ดังนั้นด้วยฟอร์มเช่นนี้ถ้าไม่โชคร้ายบาดเจ็บจึงมีความเป็นไปได้สูงที่หอก "ตราหมี" จะติดทัพไปป้องกันแชมป์โลกปี 2014 ถ้าพิสูจน์ตัวเองเบียด ดาบิด บีญา (เพื่อนร่วมค่าย) เปโดร โรดริเกซ (บาร์เซโลนา), อัลบาโร เนเกรโด (แมนเชสเตอร์ ซิตี) และ โรเบอร์โต โซลดาโด (สเปอร์ส) มีหวังถิ่น บิเซนเต กัลเดรอน คงจะเตรียมฟันเงินเข้ากระเป๋าอีกอื้อซ่า

หลุยส์ ซัวเรซ - มีข่าวพัวพันตลอดช่วงปิดฤดูกาล 3 เดือนที่ผ่านมาจนนึกว่าจะไม่ได้อยู่ถิ่น แอนฟิลด์ จนถึงตอนนี้เสียแล้ว สืบเนื่องจากพฤติกรรมส่วนตัวที่ทำให้โดนแบบ 10 นัดตั้งแต่ปลายซีซันที่แล้วต่อเนื่องจนออกสตาร์ท 2013-14 เพราะไปงับแขน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลัง เชลซี ซึ่งหอกทีมชาติอุรุกวัยก็ใช้เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่ไม่อยากเล่นให้ ลิเวอร์พูล ต่อไป รวมถึงอยากไปวาดลวดลายถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก โดยมี อาร์เซนอล ตามเกี้ยวอยู่นานสองนานค่าตัวถ้าย้ายคงระดับ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,550 ล้านบาท) สุดท้ายการโยกย้ายไม่เกิดขึ้นและหอกวัย 26 ปีก็ระเบิดฟอร์มเก่งเหมือนเป็นคนละคนซัดไป 19 ประตูจาก 12 นัดนำดาวซัลโว ณ ขณะนี้ ทั้งที่ต่อให้คนอื่นออกตัวไปก่อน ทำให้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นแชมป์ทั้งที่ก่อนหน้านี้ความหวังก็คือแค่โควตากลับไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในปีหน้า หากทำสำเร็จคาดว่า รีล มาดริด ก็กล้าทุ่มไม่อั้นเพื่อดูดไปล่าตาข่ายซัมเมอร์หน้า ด้านค่าตัวไม่ต้องพูดถึงระดับจอมสร้างสถิติโลกอย่าง "ราชันชุดขาว" รับรองได้ติดทำเนียบแข้งค่าตัวแพงแน่นอน อย่างไรก็ตาม "หงส์แดง" จับต่อสัญญาฉบับใหม่ 4 ปีครึ่งไปแล้วรับค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 10 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ ดังนั้นมหากาพย์นี้ต้องดูกันยาว

มาเร็ค ฮามซิค - จอมทัพทรงผมโมฮอว์กจากสโลวาเกียปักหลักบัญชาเกมให้ นาโปลี ด้วยฟอร์มที่คงเส้นคงวาเข้าสู่ฤดูกาลที่ 7 ประกอบกับแข้งซูเปอร์สตาร์ที่ถูกขายออกไปทีละคนสองคนล่าสุดก็ คาวานี หอกทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่คนต่อไปจะเป็น ฮามซิค ที่วัยกำลังห้าว 26 ปีพร้อมเผชิญความท้าทายสถานีต่อไปในชีวิต หลังออกสตาร์ทซัด 6 จาก 10 นัดจนพา นาโปลี ขึ้นรั้งรองจ่าฝูง กัลโช เซเรีย อา อิตาลี แต่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บฟอร์มของทีมตอนนี้เลยแผ่วไปด้วย ทว่าส่วนตัวแล้วถือเป็นกองกลางที่มีพลังขับเคลื่อนล้นเปี่ยม ซีซันนี้ต้องลุ้นว่าภายใต้การคุมทัพของ ราฟาเอล เบนิเตซ จะไปได้ไกลแค่ไหน ถ้าไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสโมสร พรีเมียร์ ลีก มีหวังตอมกันให้หึ่งแน่นอน น่าเสียดายที่ทีมชาติไม่ผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิล หลังจาก 4 ปีก่อนได้ไปอวดฝีเท้าที่ แอฟริกาใต้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนจะไปจอดป้ายรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ส 1-2

มาร์โก รอยส์ - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลายเป็นสโมสรที่ผลิตนักเตะชั้นยอดและขายออกไป หลังจากกลับมาคว้าถาดแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมนี 2 ปีซ้อนภายใต้การคุมทัพของ เจอร์เกน คล็อปป์ ตามด้วยฤดูกาลที่แล้วเข้าชิง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก พวกที่โบกมือลาไปก็มี ชินจิ คากาวะ (กองกลางไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) มาริโอ เกิทเซ (กองกลางไป บาเยิร์น มิวนิค) และอีกรายที่จ่อเต็มแก่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หอกทีมชาติโปแลนด์ที่จะหมดสัญญาซัมเมอร์นี้ แต่ปากแข็งไม่บอกว่าเทใจให้ "เสือใต้" ไปแล้ว ส่วนที่ขึ้นมาเป็นแดนหลักแผงมิดฟิลด์ หลังถูกซื้อจาก โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค เมื่อปี 2012 ก็คือ รอยส์ ปีกทีมชาติเยอรมนีที่ทั้งยิงและจ่ายเข้ากับระบบการเล่นทะลุทะลวงของทีม โดยซัดไป 8 ลูกจาก 17 นัดก่อนที่จะเบรกหนีนาว แน่นอนว่าด้วยฟอร์มของทีมชาติเยอรมนีทำให้แข้งเบียร์ล้วนกลายเป็นสินค้าส่งออกชั้นดีมีคุณภาพไปด้วย รายของแข้งวัย 24 ปีก็มี พรีเมียร์ ลีก และ ลา ลีกา รอต้อนรับอยู่ โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พร้อมจ่าย 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) เพื่อฉีกสัญญา

อารอน แรมซีย์ - ขนาด เบล แข้งจากเวลส์ยังสร้างความฮือฮากลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก ซึ่งก็เหมือนเป็นใบเบิกทางให้แข้งร่วมชาติไปแล้วและถ้าจะกวาดสายตามองหาสักคนก็คงหนีไม่พ้น แรมซีย์ กองกลางที่ฤดูกาลนี้ระเบิดฟอร์มกลบ เมซุต โอซิล ห้องเครื่องทีมชาติเยอรมนีที่ย้ายจาก รีล มาดริด ด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติใหม่ของสโมสร 42.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,167 ล้านบาท) โดยยิงไป 8 จาก 16 นัดในลีก แต่ถ้าทุกรายการก็ปาเข้าไป 13 ประตูจาก 25 นัด ก็ต้องเรียกได้ว่า อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ "ปืนโต" ยังเป็นนักปั้นตาเพชรตัวจริงเสียงจริง เพราะแข้งที่ย้ายจาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี เมื่อปี 2008 เพิ่งอายุ 22 ปีเท่านั้น แม้จะมีอาการบาดเจ็บขาหัก แต่ซีซันนี้กลับมาเหมือนเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ผ่านมาถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม ก็ดึงกองกลางมาสร้างชื่อไล่ตั้งแต่ ปาทริค วิเอรา, เอ็มมานูเอล เปอตีต์ จนมาถึง เชส ฟาเบรกาส และ อเล็กซ์ ซง ทำเงินมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ดังนั้นถ้ารายต่อไปจะเป็นแข้งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน เคยแย่งกันเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะ "ผีแดง" ที่ยกให้เป็น "นิว ไรอัน กิ๊กส์" จะถูกตามจีบก็ไม่แปลก

พอล ป็อกบา - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เห็นแววก่อนฉกจากชุดเยาวชนของ เลอ อาฟร์ มาปลุกปั้นเมื่อปี 2009 ทว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คุมทัพตอนนั้นไม่ให้โอกาสเท่าที่ควร ฟางเส้นสุดท้ายที่แข้งฝรั่งเศสมองว่าต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีก็คือเกม พรีเมียร์ ลีก แพ้คาบ้านต่อ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2-3 ปลายปี 2011 ไม่ได้รับโอกาสทั้งที่ทีมมีปัญหาแผงมิดฟิลด์และเกมรับจนต้องถอย ไมเคิล คาร์ริค ไปเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟ แต่ดัน ราฟาเอล ดา ซิลวา กับ ปาร์ค จี ซอง ช่วยกองกลางแทน ซึ่งแข้งวัย 20 ปีตอนนี้ก็ไปได้ดิบได้ดีกับ ยูเวนตุส เข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ปีแรกก็ได้สัมผัสแชมป์ สคูเด็ตโต เพราะ อันโตนิโอ คอนเต นายใหญ่ "ม้าลาย" ให้โอกาส รวมถึงติดทัพ "ตราไก่" ชุดใหญ่ไปแล้ว 7 นัด อีกทั้งฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล ก็กำลังรอให้ไปวาดลวดลายอยู่ ถือเป็นนักเตะที่มีคาแล็คเตอร์และมั่นใจตัวเองสูงมาก จึงเติมขึ้นมายิงประตูได้เป็นประจำ ซึ่งยอดทีมของอิตาลีก็เปรยว่าอาจจะต้องขายออกไปหากได้เงินเป็นกอบเป็นกำเข้ามาพยุงทีม