คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ขอเอ่ยถึง (ว่าที่) ซูเปอร์สตาร์มวยโลกชาวเอเชียอีกคนที่แฟนๆ ชาวไทยจำกันได้ดี ซู ซิหมิง อดีตสุดยอดมวยสากลสมัครเล่นที่ผันตัวมาชกแบบอาชีพเป็นไฟต์ที่ 3 แล้ว โดยขึ้นชกเป็นคู่ประกอบรายการศึก แมนนี ปาเกียว ชนะคะแนน แบรนดอน ริออส ที่มาเก๊า โดยคราวนี้ผู้จัด “ท็อปแรงค์” จับยอดมวยแดนมังกรขึ้นพบกับมวยเม็กซิกัน ฮวน ทอซคาโน มวยสร้างฝีมือดีอีกราย สถิติชนะมา 4 ไฟต์รวด
ไฟต์นี้ชกกันที่กำหนด 6 ยก ซึ่งเป็นการชกระดับนี้ครั้งที่สองของทั้งคู่ ไฟต์ที่แล้ว ซู ซิหมิง ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าสภาพร่างกายยังชก 6 ยกไม่ไหว แถมฟอร์มการชกก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ติดสไตล์สมัครเล่นที่จิ้มแล้วหนีๆ แถมยังเล่นกับคนดูราวกับตัวเองเป็นยอดมวยเงินล้านไปแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชกเป็นไฟต์ที่ 2 เท่านั้น เล่นเอาทีมงานเครียดกันเป็นแถว มาไฟต์นี้เลยจับขัดสีฉวีวรรณใหม่ หวังสร้างความประทับใจในระดับโลกให้ได้
ผลการชก ซู ซิหมิง ก็เอาชนะคะแนนไปได้แบบขาดลอยมากๆ 60-54 60-54 และคนสุดท้ายให้ชนะถึง 60-52 เลยทีเดียว ดูภาพการชกแล้ว จะเห็นได้ว่าทางเทรนเนอร์ของ อาตี๋ซู พยายามปรับสไตล์ชกจริงๆ ไฟต์นี้เดินหน้าเข้าใส่ตลอดผิดกับภาพวิ่งหนี หรือจิ้มแล้วหนีที่เราเห็นกันจนคุ้นตา แถมพยายามปล่อยหมัดชุดเป็นระยะๆ เรียกว่าปรับสไตล์มาได้ แถมครบ 6 ยกไม่มีหมด เข้าตากูรูวงการมวยโลกอีกหลายๆ รายเลยทีเดียว แบบนี้ความฝันที่จะปั้นให้ไอ้มังกรหมัดสิงโตรายนี้ขายชื่อได้ในวงการมวยโลก โดยเฉพาะแหล่งขุดทองอย่างอเมริกา ก็ทำท่าจะเป็นความจริงแล้ว เหลืออีกข้อเดียวเท่านั้นคือพลังกำปั้นนั้นแทบไม่มีน้ำหนัก ขนาดพยายามสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่และช่วงบนเพิ่มขึ้นมาจนตัวหนาอย่างเห็นได้ชัดแล้ว แต่หมัดที่ปล่อยออกไปนั้นก็ยังเบาหวิว เมื่อไหร่ที่ขยับมาเจอมวยดีๆ จริงๆ ก็คงลำบากเพราะน้ำหนักหมัดหยุดเขาไม่ได้ อาจต้องกลับไปสไตล์วิ่งหนีเหมือนเดิม
เห็น ซู ซิหมิง ก้าวมาแบบนี้แล้วก็คิดถึงนักมวยไทยเรา มีมวยดีๆ ในรุ่นนี้หลายราย ถ้าสร้างชื่อไว้ให้เก่งจริงวันหนึ่งเข้าตาทีมงานท็อปแรงค์ ก็มีโอกาสขุดทองทันที ยิ่งถ้าคว้าเข็มขัดโลกมาไว้ก่อนซักเส้น
แล้วรอให้ ซู ซิหมิง มาท้าชิง เชื่อว่าเงินไหลมาแน่นอน แต่สิ่งที่อยากฝากทีมงานของนักมวยไทยเราทุกค่ายไว้ก็คือ คงเห็นแล้วว่านักมวยดีๆ นั้น ปรับสไตล์การชกได้ ขอให้มีการเตรียมตัวที่พร้อมและมีการจัดระบบการฝึกซ้อมที่ดี นักมวยเราแทบทุกคนชกกันอยู่สไตล์เดียวตอนนี้ คือค้ำแล้วต่อยๆ เดินเข้าลงทุนแลกเอ็งทีข้าที อาศัยความแข็งแกร่งบวกกับอากาศร้อนตอนบ่ายสาม ก็เอาชนะมวยที่จ้างมานอนได้ แต่ถ้าหวังจะก้าวไปโกยเงินในระดับโลกจริงๆ และสร้างชื่อให้แฟนมวยศรัทธาจริงๆ ก็คงต้องลองดูว่าจะสร้างนักมวยให้ครบเครื่องได้จริงๆ ได้มั้ย ไม่ได้จะบอกให้เปลี่ยนสไตล์เลิกใช้จุดแข็งของเราไปใช้จุดอ่อน แต่การเปลี่ยนสไตล์การชกได้หลากหลายจะช่วยให้คู่ชกจับทางลำบาก และในสถานการณ์บนเวทีที่พลิกผันไปมาถ้านักมวยเราเปลี่ยนสไตล์ได้ก็จะช่วยให้แก้ไขสถานการณ์ได้ ไม่ใช่เคยแต่เดินค้ำต่อยๆ พอโดนเข้าก็ป้องกันตัวไม่เป็น หรือต่อยแบบบ็อกเซอร์ไม่เป็น แล้วก็จนปัญญาไม่รู้จะชนะเขาได้ยังไง อยากฝากไว้ให้พิจารณาครับ
ขอเอ่ยถึง (ว่าที่) ซูเปอร์สตาร์มวยโลกชาวเอเชียอีกคนที่แฟนๆ ชาวไทยจำกันได้ดี ซู ซิหมิง อดีตสุดยอดมวยสากลสมัครเล่นที่ผันตัวมาชกแบบอาชีพเป็นไฟต์ที่ 3 แล้ว โดยขึ้นชกเป็นคู่ประกอบรายการศึก แมนนี ปาเกียว ชนะคะแนน แบรนดอน ริออส ที่มาเก๊า โดยคราวนี้ผู้จัด “ท็อปแรงค์” จับยอดมวยแดนมังกรขึ้นพบกับมวยเม็กซิกัน ฮวน ทอซคาโน มวยสร้างฝีมือดีอีกราย สถิติชนะมา 4 ไฟต์รวด
ไฟต์นี้ชกกันที่กำหนด 6 ยก ซึ่งเป็นการชกระดับนี้ครั้งที่สองของทั้งคู่ ไฟต์ที่แล้ว ซู ซิหมิง ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าสภาพร่างกายยังชก 6 ยกไม่ไหว แถมฟอร์มการชกก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ติดสไตล์สมัครเล่นที่จิ้มแล้วหนีๆ แถมยังเล่นกับคนดูราวกับตัวเองเป็นยอดมวยเงินล้านไปแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชกเป็นไฟต์ที่ 2 เท่านั้น เล่นเอาทีมงานเครียดกันเป็นแถว มาไฟต์นี้เลยจับขัดสีฉวีวรรณใหม่ หวังสร้างความประทับใจในระดับโลกให้ได้
ผลการชก ซู ซิหมิง ก็เอาชนะคะแนนไปได้แบบขาดลอยมากๆ 60-54 60-54 และคนสุดท้ายให้ชนะถึง 60-52 เลยทีเดียว ดูภาพการชกแล้ว จะเห็นได้ว่าทางเทรนเนอร์ของ อาตี๋ซู พยายามปรับสไตล์ชกจริงๆ ไฟต์นี้เดินหน้าเข้าใส่ตลอดผิดกับภาพวิ่งหนี หรือจิ้มแล้วหนีที่เราเห็นกันจนคุ้นตา แถมพยายามปล่อยหมัดชุดเป็นระยะๆ เรียกว่าปรับสไตล์มาได้ แถมครบ 6 ยกไม่มีหมด เข้าตากูรูวงการมวยโลกอีกหลายๆ รายเลยทีเดียว แบบนี้ความฝันที่จะปั้นให้ไอ้มังกรหมัดสิงโตรายนี้ขายชื่อได้ในวงการมวยโลก โดยเฉพาะแหล่งขุดทองอย่างอเมริกา ก็ทำท่าจะเป็นความจริงแล้ว เหลืออีกข้อเดียวเท่านั้นคือพลังกำปั้นนั้นแทบไม่มีน้ำหนัก ขนาดพยายามสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่และช่วงบนเพิ่มขึ้นมาจนตัวหนาอย่างเห็นได้ชัดแล้ว แต่หมัดที่ปล่อยออกไปนั้นก็ยังเบาหวิว เมื่อไหร่ที่ขยับมาเจอมวยดีๆ จริงๆ ก็คงลำบากเพราะน้ำหนักหมัดหยุดเขาไม่ได้ อาจต้องกลับไปสไตล์วิ่งหนีเหมือนเดิม
เห็น ซู ซิหมิง ก้าวมาแบบนี้แล้วก็คิดถึงนักมวยไทยเรา มีมวยดีๆ ในรุ่นนี้หลายราย ถ้าสร้างชื่อไว้ให้เก่งจริงวันหนึ่งเข้าตาทีมงานท็อปแรงค์ ก็มีโอกาสขุดทองทันที ยิ่งถ้าคว้าเข็มขัดโลกมาไว้ก่อนซักเส้น
แล้วรอให้ ซู ซิหมิง มาท้าชิง เชื่อว่าเงินไหลมาแน่นอน แต่สิ่งที่อยากฝากทีมงานของนักมวยไทยเราทุกค่ายไว้ก็คือ คงเห็นแล้วว่านักมวยดีๆ นั้น ปรับสไตล์การชกได้ ขอให้มีการเตรียมตัวที่พร้อมและมีการจัดระบบการฝึกซ้อมที่ดี นักมวยเราแทบทุกคนชกกันอยู่สไตล์เดียวตอนนี้ คือค้ำแล้วต่อยๆ เดินเข้าลงทุนแลกเอ็งทีข้าที อาศัยความแข็งแกร่งบวกกับอากาศร้อนตอนบ่ายสาม ก็เอาชนะมวยที่จ้างมานอนได้ แต่ถ้าหวังจะก้าวไปโกยเงินในระดับโลกจริงๆ และสร้างชื่อให้แฟนมวยศรัทธาจริงๆ ก็คงต้องลองดูว่าจะสร้างนักมวยให้ครบเครื่องได้จริงๆ ได้มั้ย ไม่ได้จะบอกให้เปลี่ยนสไตล์เลิกใช้จุดแข็งของเราไปใช้จุดอ่อน แต่การเปลี่ยนสไตล์การชกได้หลากหลายจะช่วยให้คู่ชกจับทางลำบาก และในสถานการณ์บนเวทีที่พลิกผันไปมาถ้านักมวยเราเปลี่ยนสไตล์ได้ก็จะช่วยให้แก้ไขสถานการณ์ได้ ไม่ใช่เคยแต่เดินค้ำต่อยๆ พอโดนเข้าก็ป้องกันตัวไม่เป็น หรือต่อยแบบบ็อกเซอร์ไม่เป็น แล้วก็จนปัญญาไม่รู้จะชนะเขาได้ยังไง อยากฝากไว้ให้พิจารณาครับ