“บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย 3 สมัย จัดงานแถลงนโยบาย “พัฒนาบอลไทย สู่อาชีพ สู่อนาคต” พร้อมเปิดตัวทีมงานที่จะใช้ชิงชัยในการเลือกตั้งนายใหญ่ลูกหนังไทยครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นวันที่ 17 ตุลาคม นี้
หลังจากที่ “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวทีมงานพร้อมชูแผนงาน “ถึงเวลาบอลไทยก้าวหน้า” พร้อมวางเป้าไปบอลโลกใน 9 ปี โดยแบ่งระยะเวลาเป็น 3 ช่วง ชัดเจน ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา “บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกใหญ่ลูกหนังไทย 3 สมัย และเป็น 1 ในแคนดิเดตชิงชัย ได้จัดงานแถลงข่าวถึงนโยบายของตนเองอย่างเรียบง่าย มีเพียงเอกสาร 6 แผ่น พร้อมกล่าวถึงแผนงานภายใต้หัวข้อ “พัฒนาบอลไทย สู่อาชีพ สู่อนาคต” ณ ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ(สนามศุภชลาศัย) ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาลาทำข่าวคับคั่ง
โดย วรวีร์ ได้เกริ่นย้อนถึงผลงานของตนเองตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ดำรงตำแหน่ง อาทิ บริจาคที่ดิน 20 ไร่ ให้สมาคมฟุตบอลฯ, สร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ รวมถึงสร้างที่ทำการสมาคมฯ สร้างสนามฟุตซอล 2 สนาม สร้างสนามหญ้าจริงและหญ้าเทียม ที่หนองจอก, จัดการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ เช่น ฟุตบอลหญิง ยู19 ชิงแชมป์โลก ปี2004, ฟุตบอลเอเชียนคัพ ปี 2007, ฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 และแก้ไขธรรมนูญขอบังคับให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา)
สำหรับนโยบายหลักที่วางไว้หากตนได้รับการชูมือนั้น วรวีร์ เผยว่าอยู่ที่ผลประโยชน์ที่แต่ละสโมสรจะได้รับในฤดูกาลหน้า "สิ่งที่จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงชัดเจนหากผมได้รับตำแหน่งต่อคือผลประโยชน์ที่แต่ละสโมสรจะได้รับในฤดูกาลหน้า ไทยพรีเมียร์ลีก ปีละ 600 ล้านบาท, ดิวิชัน 1 ทีมละ 3 ล้านต่อปี และลีกภูมิภาค(ดิวิชัน 2) ทีมละ 1 ล้านต่อ และกำลังส่งเรื่องให้ภาครัฐพิจารณาเพิ่มมากขึ้น"
ขณะที่นโยบายอื่นๆที่สำคัญนั้น แบ่งเป็น 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. การบริหารและพัฒนาบุคลากรและการพัฒนาองค์กร เช่น การหามืออาชีพมาดูแลการบริหารของสมาคมฯและทีพีแอล, ปับปรุงการบริการให้รวดเร็วและอบอุ่น, จัดจ้างผู้บริหารอาชีพ เพื่อมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และฝ่ายผู้ตัดสิน, ร่วมกับ University of Central Lancashire ( UCLAN) จัดตั้งวิทยาลัยฟุตบอลในประเทศไทย
2. นโยบาย ด้านการบริหารทีมชาติ เช่น จัดจ้างซีอีโอ ทีมชาติไทย เพื่อรับผิดชอบดูแลและประสานทีมชาติทุกชุด ตลอดจนการวางแผนการเตรียมทีม การเก็บตัวฝึกซ้อม และทำโปรแกรมการอุ่นเครื่อง, จัดตั้งทีมแมวมองเฟ้นหาดาวรุ่งจากทั่วประเทศ, วางเป้าหมายให้ทีมชาติ ยู-21 และ ยู-23 ( ทีมซีเกมส์) เป็นทีมชาติแห่งอนาคต มุ่งสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโอลิมปิกและฟุตบอลโลก
3. นโยบาย การแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ เช่น ส่งเสริมเรื่องคลับไลเซนซิงอย่างจริงจัง, จัดลีกสำรองและลีก ยู-16, จัดการแข่งขันระดับเยาวชน ยู-12, ยู-13 และ ยู-14 ( สนับสนุนโดยรัฐบาล), ปรับปรุงกฎระเบียบ บทลงโทษต่างๆในลีก, จัดตั้งผู้ตัดสินอาชีพ และ ผลักดันให้ได้โควตาเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ วรวีร์ ยังตอบคำถามถึงระยะเวลาที่จะพาทีมชาติไทยไปบอลโลก ว่าหวังทุกครั้ง “ผมตั้งใจจะไปทุกครั้งอยู่แล้ว แต่จะได้หรือไม่นั้นอีกเรื่อง เราต้องพยายามอย่างดีที่สุด แต่จะมาตั้งเป้าหมายเกินเลยไม่ได้ ซึ่งตอนนี้เรามีทีมซีเกมส์ที่เอาชนะจีนมา 5-1 เป็นรากฐานในอนาคต ส่วนความมั่นใจนั้นผมมั่นใจว่าจะชนะตั้งแต่เปิดตัวทีมงานแล้ว เพราะเรามีรายชื่อผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูง และก่อนหน้านี้ผมได้เดินทางไปพูดคุยกับทั้ง 72 ทีมแล้ว และก็ได้รับการตอบรับที่ดี”
ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในสถานะนักโทษหลบหนีคดี ได้เข้ามาอยู่เบื้องหลังการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น “บังยี” กล่าวว่าตนไม่ทราบข่าวว่าเท็จจริงเพียงใด เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ได้แต่ข่าวที่เขียนแจกมาเท่านั้น และตนก็ไม่ทราบว่าจะส่งผลมากน้อยเพียงใดต่อการเลือกตั้งครั้งนี้
ด้าน ดร.อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ประธานสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี และ 1 ในทีมงานตำแหน่งอุปนายกสมาคมฯกล่าวถึงการเข้ามาสนับสนุนวรวีร์ในครั้งนี้ว่า “ผมมั่นใจว่าทีมงานชุดนี้ดีจริง ผู้ที่เข้ามาล้วนแต่เป็นผู้บริหารทั้งสิ้น มีความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน ต่อจากนี้วรวีร์ต้องรับฟังเสียงจากผู้อื่น จะทำงานคนเดียวไม่ได้ และที่สำคัญตัววรวีร์สามารถประสานงานกับรัฐบาลได้ จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่น หากไม่เป็นไปตามที่พูดไว้ตัวผมก็พร้อมลาออกเป็นคนแรก”