xs
xsm
sm
md
lg

ไทเทิลลิสต์เปิดตัว AP1 และ AP2 (714 Series)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชุดเหล็ก Titleist AP1 และ AP2 รุ่นใหม่ (714 Series) ผลิตด้วยกระบวนการทางวิศวกรรมที่แม่นยำ เพื่อให้เป็นชุดเหล็กมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยถูกปรับแต่งเพื่อให้ตีได้ไกลขึ้น พร้อมชดเชยความผิดพลาดที่สูงขึ้น และให้ความรู้สึกที่หนักแน่นขึ้น โดยตำแหน่งความสูงของจุดศูนย์ถ่วงจะแตกต่างกัน และไล่ระดับในแต่ละเบอร์เหล็ก เหล็กยาวตีได้มุมเหินและวิถีลูกสูงขึ้น ส่วนเหล็กสั้นตีได้วิถีลูกต่ำลง เพื่อให้นักกอล์ฟตีได้ระยะแครี่ที่ไกลขึ้น พร้อมประสิทธิภาพในการควบคุมลูกที่โดดเด่น ช่วยให้นักกอล์ฟตีลูกให้หยุดบนกรีน และเข้าใกล้ธงได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ทีมวิจัยและพัฒนาของไทเทิลลิสต์ใช้ก้อนน้ำหนักทังสเตน และเทคโนโลยีการผลิตล่าสุด สร้างชุดเหล็ก AP1 และ AP2 ให้เป็นเหล็กที่ให้การชดเชยความผิดพลาดสูงสุด ใบเหล็กมีค่า MOI สูงขึ้น ช่วยเพิ่มความเร็วลูกกอล์ฟ เมื่อตีพลาดกลางหน้าไม้ ทำให้นักกอล์ฟตีได้ตามระยะอย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ และยังคงให้ประสิทธิภาพในการควบคุมทิศทาง และการเล่นแบบแต่งช็อตได้ดี

ชุดเหล็ก AP1 เป็นชุดเหล็กที่ตีได้ไกลที่สุด และชดเชยความผิดพลาดสูงสุด เท่าที่ไทเทิลลิสต์เคยมีมา ด้วยการออกแบบที่ผสมผสานวัสดุหลากชนิด และช่องว่างด้านหลังแบบสองตำแหน่ง สำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการตีให้ได้ระยะทางมากที่สุด ชดเชยความผิดพลาดสูงสุด และให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ใบเหล็กมีรูปลักษณ์โดดเด่น และมีขนาดใบเหล็กแบบโปรเกรสซีฟ ส่วนชุดเหล็ก AP2 เป็นเหล็กแบบฟอร์จ ที่ออกแบบโดยการผสมผสานวัสดุหลากหลาย เพื่อให้ตีได้ไกล มีวิถีลูกที่ควบคุมได้ และให้การชดเชยความผิดพลาดสูง พร้อมด้วยประสิทธิภาพในการเล่นแบบแต่งช็อต และให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ใบเหล็กมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และมีขนาดที่นักกอล์ฟในทัวร์ชื่นชอบ

เหล็กยาวของ AP1 มีความหนาของขอบด้านบน และฐานด้านล่างมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักกอล์ฟ ขณะที่เหล็กสั้นของ AP1 มีขอบด้านบนและฐานด้านล่างที่บางลง ทำให้เล่นควบคุมลูกได้ดีขึ้น และให้ความรู้สึกหนักแน่น ส่วนคอไม้ถูกปรับขึ้นใหม่เพื่อให้ลงตัวกับขอบล่างของใบเหล็ก ทำให้ใบเหล็กดูเสมือนว่าออฟเซ็ทลดลง นอกจากนี้ เหล็ก 8, 9 และ P ของ AP2 ยังมีการลดความสูงทางด้านโคน เพื่อให้ใบเหล็กรูปทรงกะทัดรัดยิ่งขึ้น

ทั้ง AP1 และ AP2 มีการตกแต่งที่ด้านหลังใบเหล็ก ด้วยการผสมผสานสีซาตินเงา และขอบด้านนอกของใบเหล็กเป็นสีเงา เพิ่มความโดดเด่น โดยจะวางตลาดพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท แอคูชเน็ท กอล์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด โทร 0-2751-4082




กำลังโหลดความคิดเห็น