ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ – นอกจากฝีเท้าอันฉกาจบนสังเวียนลูกหนังของแข้งระดับโลกแล้ว ปฎิเสธไม่ได้ว่าอีกหนึ่งสิ่งที่สะกดสายตาแฟนบอลก็คือสตั๊ด ดังนั้น “ไนกี้” ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก จึงเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ “High Visibility” ทั้ง 4 รุ่นพร้อมกันได้แก่ ไนกี้ ไฮเปอร์เวนอม, เมอร์คิวเรียล 9, ซีทีอาร์ 360 และ เทียมโป 4 เพื่อให้โดดเด่นในบรรยากาศสลัวช่วงฤดูหนาว
เป็นที่รู้กันว่า ไนกี้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของนักกีฬาเสมอมา ดังนั้นช่วงที่ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนเช่นนี้สภาพสนามจะมืดและสลัวมากกว่าปกติ ทำให้การมองเห็นที่ชัดเจนเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเล่น ดังนั้นจึงได้ออกแบบคอลเลคชั่น Hi-Vis (ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน) ที่มีสีสันสดใสและตัดกันทำให้สังเกตได้จากหางตามากกว่ารองเท้าสีทึมๆ เบสิกทั่วไป
กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ไนกี้ ได้ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสีเพื่อออกแบบรองเท้าฟุตบอล ฟิล แมคคาร์ทนีย์ รองประธานกรรมการ กล่าวถึง Hi-Vis ว่า “เมื่อออกแบบรองเท้าคอลเลกชัน Hi-Vis เราได้มองย้อนกลับไปถึงผลงานช่วงฤดูร้อนปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ การผสมผสานของสีม่วงเมทัลลิค และสีส้มแสด ที่เลือกใช้เตะตานักเตะรวมถึงคนดูทั้งในสนามและที่บ้าน ในฟุตบอลยุคปัจจุบันซึ่งการแข่งขันดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเข้มข้นขึ้น การมองเห็นจากหางตา กลายเป็นปัจจัยสำคัญ ถ้านักเตะได้เห็นสีที่เตะตาของรองเท้าของเพื่อนร่วมทีมขณะกำลังวิ่งในสนาม จะทำให้ตัดสินใจได้ฉับพลัน ซึ่งจังหวะสำคัญแบบนี้สามารถพลิกโฉมหน้าเกมได้เลยทีเดียว”
คู่สีคอลเลกชัน Hi-Vis ของรองเท้า ไนกี้ ไฮเปอร์เวนอม และ เมอร์คิวเรียล เวเปอร์ 9 ออกแบบด้วยสีม่วงอีเล็คโทรและเขียวมะนาว และเก็บรายละเอียดด้วยสีดำ ส่วนรองเท้าเทียมโป 4 และ ซีทีอาร์ 360 ออกแบบด้วยคู่สีเขียวสะท้อนแสง, เขียวมะนาว และเขียวอีเล็คทริค และเก็บรายละเอียดด้วยสีดำเช่นกัน
รองเท้าไนกี้ ไฮเปอร์เวนอม, เมอร์คิวเรียล เวเปอร์ 9, ซีทีอาร์ 360 และเทียมโป 4 คอลเลกชัน Hi-Vis จะวางจำหน่ายในราคาคู่ละ 7,900, 7,690, 6,500, และ 5,500 บาทตามลำดับ ที่ร้านไนกี้ สาขาสยามพารากอน, เทอมินอล 21, ไนกี้คอร์เนอร์ เซ็นทรัลเวิร์ล, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เอฟบีที, อาริ ฟุตบอลคอนเซ็ปต์ สโตร์, และร้านแพร์รอท หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมฟุตบอลของไนกี้ได้ที่ nikefootball.in.th และ facebook.com\nikefootballTH
