การประกาศกลยุทธ์ครั้งนี้สืบเนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่ยอดขายผลิตภัณฑ์โดยรวมเติบโตถึงร้อยละ 30.1 โดยสามารถทำยอดขายถึง 566.9 ล้านบาทเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 นอกจากนี้ ยอดขายทั่วโลกของบริษัทฯ ก็เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 โดยยอดขายทั่วโลกเติบโตขึ้นถึง 20.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการพัฒนาครั้งนี้ว่า “ในโรงงานการผลิตของเรา และในตลาดประเทศอื่นๆ อีก 29 ประเทศที่สินค้าภายใต้แบรนด์ของเราจำหน่าย เมก้ายึดมั่นต่อคุณภาพและการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ภายใต้การผลิตทางเภสัชกรรมระดับโลก โดยกลยุทธ์หลัก 3 ประการของเราเพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับตลาดประเทศไทย ได้แก่ การขยายฐานการผลิตอันทันสมัยแห่งใหม่ในประเทศออสเตรเลียเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพสูงสุดสำหรับประเทศไทยรวมถึงตลาดอื่นๆ ของเมก้าในต่างประเทศ การลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพในประเทศไทย ตลอดจนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงตัวใหม่และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยสำหรับตลาดประเทศไทย ทั้งหมดเพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย โดยความสำเร็จในครึ่งปีแรกที่ผ่านมานับเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในประเทศไทย ซึ่งกลยุทธ์ด้านคุณภาพของเราจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ”
องค์ประกอบแรกในกลยุทธ์ของเมก้า คือการขยายฐานการผลิตใหม่อันทันสมัยของเมก้าในประเทศออสเตรเลียเพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชนิดผง ชนิดเม็ด และชนิดเคี้ยว โดยมีกำลังผลิตสูงสุดต่อผลิตภัณฑ์ชนิดผง 650 เมตริกตัน, ผลิตภัณฑ์แคปซูลแข็ง 13 ล้านแคปซูล และผลิตภัณฑ์ชนิดเม็ด 155 ล้านเม็ดต่อปี ทั้งนี้ เมก้าเป็นบริษัทด้านเภสัชกรรมของไทยบริษัทแรกที่ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากโรงงานผลิตของตัวเองในประเทศออสเตรเลียมายังประเทศไทยตั้งแต่ปี 2545 จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาด โรงงานที่ออสเตรเลียของเมก้าจะสามารถขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดประเทศไทย และเพิ่มศักยภาพการผลิตของโรงงานในประเทศไทย
“ตลาดผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในประเทศออสเตรเลียเป็นตลาดที่ได้รับการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก” นายวิเวกกล่าว
องค์ประกอบที่ 2 ในกลยุทธ์ทางธุรกิจของเมก้า คือการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเมก้าในการควบคุมและการประกันคุณภาพที่โรงงานผลิต ณ นิคมอุตสาหกรรมบางปูในประเทศไทย
กลยุทธ์ประการที่ 3 ของเมก้า คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงใหม่ๆ และเทคโนโลยีอันก้าวล้ำที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภคชาวไทย โดยในปี 2556 มีการเปิดตัว แนทดี (Nat D) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินดีที่พัฒนาและผลิตขึ้นในประเทศออสเตรเลียและปัจจุบันมีจำหน่ายในประเทศไทย
“เมก้ามีผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 138 ชนิดที่อยู่ในกระบวนการเตรียมการ โดยอยู่ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 59 ชนิด และอยู่ระหว่างการขอจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ 79 ชนิด โดยเราได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณร้อยละ 1.5 ถึงร้อยละ 2 ของยอดขายทั้งปีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่” นายวิเวกกล่าวเพิ่มเติม
ในด้านเทคโนโลยี เมก้าจะเปิดตัว อเลอร์เทน คิว 100 (Alerten-โคเอนไซม์ คิว 10) ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีที่ได้จดสิทธิบัตรจากเวซิซอร์บ (VESIsorb®) โดยเมก้าเป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศไทยที่ได้สิทธิบัตรของเทคโนโลยีดังกล่าวที่พัฒนาโดยบริษัทเวซิแฟกต์ (Vesifact) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมก้ายังมีเทคโนโลยีของบริษัทฯ เช่น เทคโนโลยีเคลียร์แคป (Clearcap) อีมัลแคป (Emulcap) และเอ็มเอสซีซี คอมเพล็กซ์ แอ็กติโซม (MSCC Complex Actisome)