ล้างไพ่สมาคมยิงปืน ตามรอยกำปั้นไทย?

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ปัญหาความวุ่นวายของสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย มีท่าทีว่าใกล้จะเห็นปลายทางของอุโมงค์แล้วหลังมืดมนมาเกือบ 3 ปี จากกรณีฟ้องร้องต่อศาลของ นพ.เอาชัย กาญจนพิทักษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมฯ กับ นายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ ที่กรมการปกครองรับรองให้เป็นนายกสมาคมฯ แต่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่รับรอง ซึ่งยังต้องลุ้นกันว่าทางออกสุดท้ายจะเป็นเช่นไร

ย้อนความคร่าวๆ ต้นตอของปัญหาเริ่มตั้งแต่วันที่ นายปองพล อดิเรกสาร นายกสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทยคนก่อน ขอลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2554 จากนั้นมีการเลือกตั้งใหม่โดยเป็น นายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ ที่ได้รับการชูมือ พร้อมได้ไปยื่นเรื่องขอให้กรมการปกครองรับรองสิทธิ์ แต่ทว่าถูกการกีฬาแห่งประเทศไทย ระงับสิทธิ์เนื่องจากทำผิดระเบียบ จึงส่งให้ นพ.เอาชัย กาญจนพิทักษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมกีฬายิงปืนฯ ที่กำลังดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางและศาลมีคำสั่งคุ้มครอง จนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่าง 2 กลุ่ม คือ นายอธิปรัฐ ที่ได้รับรองจากกรมการปกครอง กับ นพ.เอาชัย ที่ได้รับการรับรองจาก กกท. ทำให้ยืดเยื้อมาถึงปัจจุบัน

จนกระทั่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองดังกล่าว พร้อมส่งให้สมาคมฯกลับมาอยู่ในสภาพเดิม และล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการกฎหมาย สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ กมธ.กีฬา วุฒิสภา ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าร่วมพูดคุยเพื่อหาหนทางไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ณ ห้อง 301 อาคารรัฐสภา 2 โดยมี นายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา, ดร.อลงกต วรกี ผู้อำนวยการส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย 2 ของกรมการปกครอง และ นพ.เอาชัย ร่วมประชุม แต่ทางฝั่งของ นายอธิปรัฐ ไม่ได้เดินทางมาแต่อย่างใด

โดยทาง ดร.อลงกต ยืนยันว่าทางกรมการปกครองไม่สามารถถอยไปมากกว่านี้แล้ว “ต้องยอมรับว่าเป็นการยึดกฎหมายกันคนละเล่ม ทาง กกท.ก็ยึดตามกฎของตัวเอง และทางกรมการปกครองก็ยึดตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงทำให้ขัดกันอยู่ และตามการพิจารณาของศาลส่งผลให้ นายอธิปรัฐ นั้นยังดำรงสิทธิ์เป็นนายกสมาคมยิงปืนฯอยู่ จึงยังสามารถรักษาการณ์ได้จนกว่าจะมีการจดทะเบียนคณะกรรมการชุดใหม่ แต่ในเมื่อทาง กกท.ไม่รับรองก็ทำให้ไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางออกเดียวที่ผมมองเห็นคือต้องทำเหมือนเคสของสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ”

ทั้งนี้สำหรับในกรณีของสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ เคยเกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วในยุคของ พล.อ.นรินทร์ แทบประสิทธิ์ ที่ไม่จัดเลือกตั้งตามเวลาที่กำหนด จนสุดท้ายโดน กกท.ลงดาบถอดคำว่า “แห่งประเทศไทย” หรือสิทธิ์การเป็นสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยออก พร้อมเปิดให้จัดตั้งสมาคมใหม่โดยมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นหัวเรือเข้ามาทำหน้าที่แทนและมอบคำว่าแห่งประเทศไทยกลับคืนในภายหลัง

ซึ่งทางออกนี้ทาง นพ.เอาชัย ก็เห็นพ้องด้วย “ผมยินดีที่จะให้มีการล้มกระดานแล้วมีการเลือกตั้งกันใหม่ แต่ทั้งนี้ต้องมีการควบคุมในเรื่องของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน จากเดิมครั้งที่แล้วที่ผู้มีสิทธิ์เลือกเป็นรายบุคคล ซึ่งผมมองว่าเป็นการทุจริตซื้อเสียงได้ง่าย ให้เปลี่ยนเป็นสโมสรสมาชิกหรือชมรมเป็นผู้ลงคะแนนแทน และหากมีการเลือกตั้งใหม่ผมก็จะไม่ลงสมัคร แต่ทั้งนี้เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเป็นไปตามระเบียบที่ถูกต้องผมเชื่อว่าจะมีผู้ที่มีศักยภาพเข้ามาทำหน้าที่แน่นอน”

แต่ทั้งนี้ทุกอย่างจะเกิดได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ กกท.ซึ่ง นายมนตรี กล่าวว่า “กกท.ยืนยันว่าไม่สามารถรับรองสมาคมฯของนายอธิปรัฐได้ เนื่องจากมีหลายข้อที่ยังขัดต่อ พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งการจะทำเหมือนสมาคมมวยฯตามที่ทางกรมการปกครองนั้นก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ต้องให้บอร์ด กกท.เป็นฝ่ายตัดสินใจ และต้องพิจารณาดูว่ามีผลกระทบใดตามมา เช่น จะส่งผลกระทบต่อการเป็นสมาชิกของสหพันธ์หรือไม่ และที่สำคัญหากทำแบบนี้จริงอาจจะมีผู้เสียประโยชน์ยื่นฟ้องจนไม่จบสิ้นได้ สุดท้ายทางออกที่ดีที่สุดคือให้สมาชิกของสมาคมไปตัดสินใจหารือกันให้เรียบร้อยตามข้อบังคับที่ลงนาม MOU ร่วมกัน ก่อนจะส่งให้ กกท.รับรอง และส่งไปจดทะเบียนกับกรมการปกครอง”