คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ก็ตอนที่ เอสเตกลัล เอ็ฟซี เป็นเจ้าบ้านต้อนรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา กองเชียร์ของตนเข้ามากันเต็มความจุ อาซาดี สเตเดี้ยม ถึง 95,300 คน นักเตะอิหร่านยังเล่นกันแบบหวาดๆ ปล่อยให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครองบอลแทบจะตลอดเกม หวังกอดสกอร์เดียวที่ได้มาโดยไม่ได้คาดคิดตั้งแต่ต้นเกมจนจบเกม แต่การเดินทางมาเยือน ปราสาทสายฟ้า ที่ ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ในวันนี้ พวกเขาคงมีกองเชียร์ไม่ได้มากกว่าจำนวนนักเตะรวมกับสต๊าฟของทีมเยอะนักหรอก ดังนั้น เรื่องกองเชียร์มากหรือน้อย ไม่มีผลในทางบวกสำหรับ เอสเตกลัล สักนิด แต่ทางฝั่งเรา GU 12 จะช่วย บุรีรัมย์ ได้เป็นอย่างมาก
ผู้ตัดสินที่จะลงทำหน้าที่ในแม็ทช์นี้คือ ริวจิ ซาโตะ ( Ryuji Sato ) ชาวญี่ปุ่น วัย 36 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ทีมของคุณเนวิน เจอแต่กรรมการแขกซะส่วนใหญ่ แต่วันนี้ ตาตี่ ผิวเหลืองด้วยกัน เขาคงไม่ใจร้ายกับเด็กไทยมากนัก สถิติที่ผ่านมาก็เป็นไปในทางดีคือ หมอนี่เคยเป่าในรอบแบ่งกลุ่มมาแล้ว 3 นัด เจ้าบ้านชนะหมดและยิงได้ไม่ต่ำกว่า 2 ทั้งนั้น
เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีม นัดแรกนั้น เอสเตกลัล ไม่ได้เสียประตูในบ้านของตนเอง ดังนั้น ในนัดที่สองนี้ กฎประตูทีมเยือน ย่อมเป็นคุณแก่ เอสเตกลัล ทีมเดียว บุรีรัมย์ หมดสิทธิ์ได้ประโยชน์ ถ้าเขาพัง บุรีรัมย์ ได้เพียงประตูเดียว เขาต้องเสียถึง 3 จึงจะตกรอบ ซึ่งผมว่า ความจริงเกมรุกของ เอสเตกลัล นั้น ถ้าเขาตั้งใจบุกก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง นักเตะรูปร่างสูงใหญ่ได้เปรียบอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เอสเตกลัล มีปัญหาต้องเผชิญคือ “เงินหายไปไหน” อันนี้ผมนึกว่าเป็นคำถามที่ต้องถูกถามเฉพาะที่เมืองไทย แต่ระยะนี้พวกเขาดันมีเรื่องติดขัดเงินค่าจ้างนักเตะ ทำให้บางคนรวนเร เสียความรู้สึก ทีมเสียขวัญ เกิดอาการเซ็ง ทำให้หมดแรงจูงใจไปได้เช่นกัน
ในขณะที่ บุรีรัมย์ ได้ชื่อว่ามีกองหลังที่เหนียวแน่น ทีมมักครองบอลได้มากกว่าคู่แข่ง แต่การจบสกอร์ยังไม่เฉียบ โดยเฉพาะไปคาดหวังตัวช่วยอย่าง เฆซุส แบรโรกัล ซึ่งไร้ผลสิ้นดี แล้วผมก็ได้กลิ่นว่า เกมนี้ แบรโรกัล จะไม่ได้รับโอกาสอีกแล้ว ผมยังนึกดีใจ ใส่นักเตะไทยเข้าไปเถอะ มันน่าจะทำให้สมดุลในเกมของ ปราสาทสายฟ้า กลับดีขึ้น และอีกอย่างที่ต้องไม่ลืมคือ ฟรีคิค ของ อุ้ม ธีราทร บุญมาทัน หลังๆมานี้เป็นทีเด็ด ปั่นลงจุดเกรงใจหน้าประตู มีเสียว มีลุ้นทุกเม็ด
เกมนี้ผมเดา Scenario หรือ บทละคร ว่า เอสเตกลัล น่าจะเริ่มด้วยการเล่นอย่างระมัดระวัง รัดกุมที่สุด ประคองตัว ไม่ผลีผลาม ไม่โหมบุกเปิดเกมรุกโดยไม่จำเป็น เพื่อหวังรักษาประตูของตนเองให้นานที่สุด โดยปล่อยเวลาให้หมดไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่เสียประตูก็ยังเป็นฝ่ายได้เข้ารอบ แต่ทันทีที่ประตูแรกของ เอสเตกลัล ถูกเจาะสำเร็จ คราวนี้รูปเกมของเขาจะเปลี่ยนไป กลายเป็นโหมบุกอย่างบ้าคลั่ง หวังเอาประตูคืน โดยใช้ความได้เปรียบเรื่องประตูทีมเยือน แพ้เพียงลูกเดียว แต่เมื่อรวมผล 2 นัด ยังได้เข้ารอบ
ส่วน บุรีรัมย์ คงไม่ต้องมัวดูเชิง ตั้งใจโหมบุกกระหน่ำตั้งแต่วินาทีแรก หวังเอาประตูเร็วที่สุดและเยอะๆเฉียดครึ่งโหล อันนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าที่จะหวังแค่ 1 หรือ 2 ลูก และเมื่อได้ลูกแรก ทางนั้นก็ต้องบุกเอาประตูบ้าง รูปทรงหลวมๆจะเด่นชัด โอกาสยิ่งเปิดกว้างขึ้นอีก สกอร์นัดนี้ ผมว่ามันลงตัวที่ 3-1 ครับ
ก็ตอนที่ เอสเตกลัล เอ็ฟซี เป็นเจ้าบ้านต้อนรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา กองเชียร์ของตนเข้ามากันเต็มความจุ อาซาดี สเตเดี้ยม ถึง 95,300 คน นักเตะอิหร่านยังเล่นกันแบบหวาดๆ ปล่อยให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครองบอลแทบจะตลอดเกม หวังกอดสกอร์เดียวที่ได้มาโดยไม่ได้คาดคิดตั้งแต่ต้นเกมจนจบเกม แต่การเดินทางมาเยือน ปราสาทสายฟ้า ที่ ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ในวันนี้ พวกเขาคงมีกองเชียร์ไม่ได้มากกว่าจำนวนนักเตะรวมกับสต๊าฟของทีมเยอะนักหรอก ดังนั้น เรื่องกองเชียร์มากหรือน้อย ไม่มีผลในทางบวกสำหรับ เอสเตกลัล สักนิด แต่ทางฝั่งเรา GU 12 จะช่วย บุรีรัมย์ ได้เป็นอย่างมาก
ผู้ตัดสินที่จะลงทำหน้าที่ในแม็ทช์นี้คือ ริวจิ ซาโตะ ( Ryuji Sato ) ชาวญี่ปุ่น วัย 36 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ทีมของคุณเนวิน เจอแต่กรรมการแขกซะส่วนใหญ่ แต่วันนี้ ตาตี่ ผิวเหลืองด้วยกัน เขาคงไม่ใจร้ายกับเด็กไทยมากนัก สถิติที่ผ่านมาก็เป็นไปในทางดีคือ หมอนี่เคยเป่าในรอบแบ่งกลุ่มมาแล้ว 3 นัด เจ้าบ้านชนะหมดและยิงได้ไม่ต่ำกว่า 2 ทั้งนั้น
เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีม นัดแรกนั้น เอสเตกลัล ไม่ได้เสียประตูในบ้านของตนเอง ดังนั้น ในนัดที่สองนี้ กฎประตูทีมเยือน ย่อมเป็นคุณแก่ เอสเตกลัล ทีมเดียว บุรีรัมย์ หมดสิทธิ์ได้ประโยชน์ ถ้าเขาพัง บุรีรัมย์ ได้เพียงประตูเดียว เขาต้องเสียถึง 3 จึงจะตกรอบ ซึ่งผมว่า ความจริงเกมรุกของ เอสเตกลัล นั้น ถ้าเขาตั้งใจบุกก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง นักเตะรูปร่างสูงใหญ่ได้เปรียบอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เอสเตกลัล มีปัญหาต้องเผชิญคือ “เงินหายไปไหน” อันนี้ผมนึกว่าเป็นคำถามที่ต้องถูกถามเฉพาะที่เมืองไทย แต่ระยะนี้พวกเขาดันมีเรื่องติดขัดเงินค่าจ้างนักเตะ ทำให้บางคนรวนเร เสียความรู้สึก ทีมเสียขวัญ เกิดอาการเซ็ง ทำให้หมดแรงจูงใจไปได้เช่นกัน
ในขณะที่ บุรีรัมย์ ได้ชื่อว่ามีกองหลังที่เหนียวแน่น ทีมมักครองบอลได้มากกว่าคู่แข่ง แต่การจบสกอร์ยังไม่เฉียบ โดยเฉพาะไปคาดหวังตัวช่วยอย่าง เฆซุส แบรโรกัล ซึ่งไร้ผลสิ้นดี แล้วผมก็ได้กลิ่นว่า เกมนี้ แบรโรกัล จะไม่ได้รับโอกาสอีกแล้ว ผมยังนึกดีใจ ใส่นักเตะไทยเข้าไปเถอะ มันน่าจะทำให้สมดุลในเกมของ ปราสาทสายฟ้า กลับดีขึ้น และอีกอย่างที่ต้องไม่ลืมคือ ฟรีคิค ของ อุ้ม ธีราทร บุญมาทัน หลังๆมานี้เป็นทีเด็ด ปั่นลงจุดเกรงใจหน้าประตู มีเสียว มีลุ้นทุกเม็ด
เกมนี้ผมเดา Scenario หรือ บทละคร ว่า เอสเตกลัล น่าจะเริ่มด้วยการเล่นอย่างระมัดระวัง รัดกุมที่สุด ประคองตัว ไม่ผลีผลาม ไม่โหมบุกเปิดเกมรุกโดยไม่จำเป็น เพื่อหวังรักษาประตูของตนเองให้นานที่สุด โดยปล่อยเวลาให้หมดไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่เสียประตูก็ยังเป็นฝ่ายได้เข้ารอบ แต่ทันทีที่ประตูแรกของ เอสเตกลัล ถูกเจาะสำเร็จ คราวนี้รูปเกมของเขาจะเปลี่ยนไป กลายเป็นโหมบุกอย่างบ้าคลั่ง หวังเอาประตูคืน โดยใช้ความได้เปรียบเรื่องประตูทีมเยือน แพ้เพียงลูกเดียว แต่เมื่อรวมผล 2 นัด ยังได้เข้ารอบ
ส่วน บุรีรัมย์ คงไม่ต้องมัวดูเชิง ตั้งใจโหมบุกกระหน่ำตั้งแต่วินาทีแรก หวังเอาประตูเร็วที่สุดและเยอะๆเฉียดครึ่งโหล อันนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าที่จะหวังแค่ 1 หรือ 2 ลูก และเมื่อได้ลูกแรก ทางนั้นก็ต้องบุกเอาประตูบ้าง รูปทรงหลวมๆจะเด่นชัด โอกาสยิ่งเปิดกว้างขึ้นอีก สกอร์นัดนี้ ผมว่ามันลงตัวที่ 3-1 ครับ