xs
xsm
sm
md
lg

มวยไทยโกอินเตอร์ คงต้องทำให้ชัดเจน / ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”

สัปดาห์นี้ขอคุยกับแฟนๆ คอลัมน์ในเรื่องมวยไทยโกอินเตอร์อีกสักที เพราะช่วงนี้มีหลายค่ายหลายกลุ่มที่พยายามโปรโมตมวยไทยด้วยการจัดศึกปะทะต่างชาติเยอะ ล่าสุดมวยรอบโตโยต้ามาราธอนก็เพิ่งจับ “เสี่ยบาส” สมรักษ์ คำสิงห์ ขึ้นเวทีแบบไม่เกรงใจสังขาร แต่คราวนี้ “ฮีโร่โอลิมปิก” ของเราทำได้ดี ชนะคู่ชกไปจนถึงแชมป์ ประกาศศักดาเหนือยอดมวยในอดีตอีกคนอย่าง “เจ้าเป็ด” เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ที่ขึ้นเวทีในรายการเดียวกันนี้ในรอบก่อนหน้า แต่พ่ายสังขารไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ ตอนนี้ข่าวที่จะจับยอดมวยไทยทั้งสองขึ้นพบกันเลยซาๆ ไปหน่อย

ชัยชนะของ สมรักษ์ นั้นก็ต้องบอกว่ามาจากประสบการณ์และความเหนือล้วนๆ เพราะอาศัยจังหวะฝีมือถอยแล้วดักถีบดักทำ ก่อนคว้าแชมป์ไปได้สมใจแบบไม่เหนื่อยมาก แต่ก็ทำให้มีเสียงบ่นเล็กๆ ว่าไม่สะใจ ไม่จะแจ้ง อันนี้เป็นประเด็นที่อยากฝากผู้เกี่ยวข้องที่พยายามทำให้มวยไทยเป็นกีฬาสากล รวมทั้งถ้าหวังจะให้ไปถึงระดับกีฬาโอลิมปิก ต้องทำให้การให้คะแนนต่างๆ มีมาตรฐานจริงๆ อย่างเมื่อต้นปี “เจ้าบาส” ก็ไปขึ้นสังเวียนที่อเมริกาพบกับดาวรุ่งมวยไทยชาวมะกัน ชิกกี ลินด์ซีย์ ปรากฏว่า สมรักษ์ ก็แพ้คะแนนไปแบบแฟนมวยชาวไทยกังขา และบอกว่าถ้าชกเมืองไทยก็น่าชนะ

เรื่องของเรื่องคือมวยไทยเราเป็น “ศิลปะ” ทำให้มีสิ่งที่เรียกกันว่า “รูปมวย” คือต้องดูดี ต้องดูมีมาด ต่อให้เจ็บแค่ไหนถ้า “เก็บอาการ” ได้ ก็ไม่เสียคะแนน รวมทั้งการป้องกันตัวถ้าทำได้ดี ป้องกันตัวแล้วทำให้คู่ต่อสู้ “เสียรูปมวย” ก็ถือว่าเหนือกว่า แบบนี้แหละที่มันเป็นศิลปะและยากต่อการให้คะแนนให้ชัดเจน และเป็นอุปสรรคที่ทำให้มวยไทยโกอินเตอร์ยาก นักมวยต่างชาติที่ชกมวยไทยจนมีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตที่เพิ่งล่วงลับไปเมื่อต้นปีมานี้อย่าง “ไอ้กังหันนรก” รามอน เด็กเกอร์ ยังเคยออกปากว่าการให้คะแนนมวยไทยเป็นอะไรที่เขาไม่เข้าใจเลย

อย่างกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม Mixed Martial Arts ก็เป็นกีฬาที่ให้คะแนนยาก เพราะเป็นการนำศิลปะการต่อสู้หลายๆ แบบมาผสมกัน แต่ทางผู้เกี่ยวข้องก็พยายามออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ออกมา จนเป็นกติการ่วมสำหรับศิลปะการต่อสู้แบบผสม (Unified Rules of Mixed Martial Arts) ที่เป็นที่ยอมรับกัน โดยกติกานี้จะระบุชัดเจนเลยว่าการตัดสินจะให้น้ำหนักกับอะไรก่อนอะไรหลัง เช่น บอกเลยว่าหากยกนั้นทั้งคู่สู้กันบนพื้นมากกว่า ให้ให้คะแนนกับเทคนิกการล็อกมากกว่าการโจมตี แต่ถ้ายกนั้นยืนสู้กันมากกว่า ให้ให้คะแนนกับการโจมตีมากกว่าการล็อก รวมทั้งมีการให้คะแนนการควบคุมพื้นที่บนเวทีอย่างมีประโยชน์ที่สุดด้วย แบบนี้ก็ชัดเจน

แต่มวยไทยเรา บอกตรงๆ ยังมีช่องโหว่เรื่องนี้อยู่ บางรายการบอกให้คะแนนมวยเดิน ก็เท่ากับมองข้าม “ศิลปะการป้องกันตัว” ของมวยถอยไป หรือบางรายการบอกเน้นให้คะแนนการออกอาวุธ แต่ก็เห็นมวยที่ “คุมรูปมวย” ได้ดีเป็นฝ่ายชนะอยู่บ่อยๆ แบบนี้ทำให้ยากแก่การที่คนต่างชาติจะเข้าใจ พูดจริงๆ คนไทยที่ไม่ได้ดูมวยประจำก็ยังงง ตัวนักมวยไทยเองก็เกิดความเคยชิน พอไปชกรายการต่างชาติก็มัวไปรักษารูปมวย แล้วก็แพ้ หรือชนะก็ถูกครหาว่าชนะแบบค้านสายตา แต่ถ้าเราทำเกณฑ์การให้คะแนนให้มันชัดเจนไปเลย บอกว่ามีคะแนนในส่วนการ “รักษารูปมวย” ด้วย หรือคะแนนสำหรับการป้องกันตัวที่ดีด้วย แบบนี้มวยไทยก็โกอินเตอร์ได้ แต่ถ้าจะเน้นการต่อสู้ให้สนุก ก็ต้องเลิกไปเลยเรื่องการคุมรูปมวย เน้นให้คะแนนการออกอาวุธจริงๆ ถึงจะโดนใจผู้ชมครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น