คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
แฟนๆ กีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้แบบผสม หรือ Mixed Martial Arts (MMA) คงยังจำกันได้ถึงประเด็นร้อนช่วงปีที่แล้ว ครั้ง “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ที่ตอนนั้นยังอยู่ในชื่อค่าย ป.ประมุข มีปัญหาถึงกับแหกค่ายออกไปจนจะมีเรื่องราวฟ้องร้องกันต่างๆ นานา ทำให้ไม่สามารถขึ้นเวทีจนมีมีข่าวประมาณว่าจะไปสู้ศึกรายการประเภทศิลปะการต่อสู้แบบผสมนี้
ทีนี้ภาพพจน์ของกีฬา MMA นั้น คนจะติดตาว่าเป็นกีฬาที่โหดเหี้ยม ต่อสู้กันในกรงเหมือนสัตว์ อัดกันเลือดสาดยังไม่หยุด ล้มแล้วซ้ำ ฯลฯ ทำให้ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถึงกับต้องออกมาเบรกว่า การต่อสู้ในกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม (ในระดับอาชีพ) ถือว่าผิดกฎหมาย เรียกว่าไม่รับรองกีฬาประเภทนี้ว่างั้นเถอะ เลยไปถึงขนาดว่าถ้านักมวยไทยไปต่อสู้ในกีฬาประเภทนี้ก็จะทำให้เสียภาพพจน์ต่างๆ นานาขนาดนั้นเลย ทาง “เจ้าดำ” เองพอดีก็เคลียร์ปัญหาจบ (แบบไม่สนิทเท่าไหร่) เรื่องก็เลยเงียบไป แต่ก็ทำให้กีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมก็กลายเป็นกีฬาผิดกฎหมายในบ้านเราไปแล้ว
แต่ในวงการระดับโลก เมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว ก็มีข่าวดีสำหรับแฟนกีฬาประเภทนี้ เมื่อรัฐคอนเนคติกัต ในประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลของประเทศแคนาดา ประกาศพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ยอมรับให้กีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม (ในระดับอาชีพ) เป็นกีฬาที่ถูกกฎหมาย สามารถจัดการแข่งขันได้ ในอเมริกาตอนนี้เลยเหลือเพียงรัฐนิวยอร์ก รัฐเดียวเท่านั้นที่ยังไม่รับรองกีฬา MMA นี้ รัฐอื่นๆ ทั่วประเทศเขาไฟเขียวกันหมดแล้ว ก็ไม่รู้ว่านิวยอร์กจะต้านกระแสนี้ไปได้อีกแค่ไหน
ทางผู้เกี่ยวข้องกับกีฬาประเภทนี้ ก็พยายามมาตลอดที่จะดัน MMA ให้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งการปรับกติกาให้เป็นสากล ลดความดุเดือดเลือดสาดลงไป หาทางป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับนักสู้ให้น้อยที่สุด ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นผล เพราะได้รับการประกาศให้เป็นกีฬาที่ถูกกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ว่าถูกกฎหมายนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันบ้าง อย่างบางรัฐ (ในอเมริกา) ก็ยังห้ามการใช้ศอก ห้ามการจับตีเข่า ฯลฯ ซึ่งก็ทำให้ยังเป็นปัญหาในด้านความไม่เป็นเอกภาพกันอยู่ คล้ายๆ กับหลายๆ ศึกที่จัดอยู่ในทวีปเอเชียเราที่บางที่ก็ห้ามพวกศอกเข่าพวกนี้เหมือนกัน บางที่ก็ไม่ห้าม
ในส่วนประเทศไทยเรานั้น ความนิยมจากแฟนๆ น่าจะมาก โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ มีชมรมที่มีการฝึกสอนศิลปะการต่อสู้แบบผสมนี้อยู่พอสมควร แต่พอไม่สามารถจัดแข่งขันในระดับอาชีพได้ก็ทำให้โอกาสที่จะเติบโตก็คงลำบาก ไม่ทราบว่าวันไหนหน่วยงานที่รับผิดชอบจะมองให้ออก เพราะตอนนี้เพื่อนบ้านเราทั้งสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ก็จัดการแข่งขัน MMA ระดับเอเชียกันไปหลายงานแล้ว มีนักสู้จากไทยเราทั้งนักมวยไทย หรือนักสู้รุ่นใหม่ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบผสมมาโดยตรงไปแสดงฝีมือสร้างผลงานด้วย ถ้าเรามัวแต่ยึดติด ก็จะเสียโอกาสที่จะสร้างชื่อและหารายได้ในกีฬาประเภทนี้ในระดับโลกไป
แฟนๆ กีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้แบบผสม หรือ Mixed Martial Arts (MMA) คงยังจำกันได้ถึงประเด็นร้อนช่วงปีที่แล้ว ครั้ง “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ที่ตอนนั้นยังอยู่ในชื่อค่าย ป.ประมุข มีปัญหาถึงกับแหกค่ายออกไปจนจะมีเรื่องราวฟ้องร้องกันต่างๆ นานา ทำให้ไม่สามารถขึ้นเวทีจนมีมีข่าวประมาณว่าจะไปสู้ศึกรายการประเภทศิลปะการต่อสู้แบบผสมนี้
ทีนี้ภาพพจน์ของกีฬา MMA นั้น คนจะติดตาว่าเป็นกีฬาที่โหดเหี้ยม ต่อสู้กันในกรงเหมือนสัตว์ อัดกันเลือดสาดยังไม่หยุด ล้มแล้วซ้ำ ฯลฯ ทำให้ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถึงกับต้องออกมาเบรกว่า การต่อสู้ในกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม (ในระดับอาชีพ) ถือว่าผิดกฎหมาย เรียกว่าไม่รับรองกีฬาประเภทนี้ว่างั้นเถอะ เลยไปถึงขนาดว่าถ้านักมวยไทยไปต่อสู้ในกีฬาประเภทนี้ก็จะทำให้เสียภาพพจน์ต่างๆ นานาขนาดนั้นเลย ทาง “เจ้าดำ” เองพอดีก็เคลียร์ปัญหาจบ (แบบไม่สนิทเท่าไหร่) เรื่องก็เลยเงียบไป แต่ก็ทำให้กีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมก็กลายเป็นกีฬาผิดกฎหมายในบ้านเราไปแล้ว
แต่ในวงการระดับโลก เมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว ก็มีข่าวดีสำหรับแฟนกีฬาประเภทนี้ เมื่อรัฐคอนเนคติกัต ในประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลของประเทศแคนาดา ประกาศพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ยอมรับให้กีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม (ในระดับอาชีพ) เป็นกีฬาที่ถูกกฎหมาย สามารถจัดการแข่งขันได้ ในอเมริกาตอนนี้เลยเหลือเพียงรัฐนิวยอร์ก รัฐเดียวเท่านั้นที่ยังไม่รับรองกีฬา MMA นี้ รัฐอื่นๆ ทั่วประเทศเขาไฟเขียวกันหมดแล้ว ก็ไม่รู้ว่านิวยอร์กจะต้านกระแสนี้ไปได้อีกแค่ไหน
ทางผู้เกี่ยวข้องกับกีฬาประเภทนี้ ก็พยายามมาตลอดที่จะดัน MMA ให้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งการปรับกติกาให้เป็นสากล ลดความดุเดือดเลือดสาดลงไป หาทางป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับนักสู้ให้น้อยที่สุด ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นผล เพราะได้รับการประกาศให้เป็นกีฬาที่ถูกกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ว่าถูกกฎหมายนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันบ้าง อย่างบางรัฐ (ในอเมริกา) ก็ยังห้ามการใช้ศอก ห้ามการจับตีเข่า ฯลฯ ซึ่งก็ทำให้ยังเป็นปัญหาในด้านความไม่เป็นเอกภาพกันอยู่ คล้ายๆ กับหลายๆ ศึกที่จัดอยู่ในทวีปเอเชียเราที่บางที่ก็ห้ามพวกศอกเข่าพวกนี้เหมือนกัน บางที่ก็ไม่ห้าม
ในส่วนประเทศไทยเรานั้น ความนิยมจากแฟนๆ น่าจะมาก โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ มีชมรมที่มีการฝึกสอนศิลปะการต่อสู้แบบผสมนี้อยู่พอสมควร แต่พอไม่สามารถจัดแข่งขันในระดับอาชีพได้ก็ทำให้โอกาสที่จะเติบโตก็คงลำบาก ไม่ทราบว่าวันไหนหน่วยงานที่รับผิดชอบจะมองให้ออก เพราะตอนนี้เพื่อนบ้านเราทั้งสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ก็จัดการแข่งขัน MMA ระดับเอเชียกันไปหลายงานแล้ว มีนักสู้จากไทยเราทั้งนักมวยไทย หรือนักสู้รุ่นใหม่ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบผสมมาโดยตรงไปแสดงฝีมือสร้างผลงานด้วย ถ้าเรามัวแต่ยึดติด ก็จะเสียโอกาสที่จะสร้างชื่อและหารายได้ในกีฬาประเภทนี้ในระดับโลกไป
