xs
xsm
sm
md
lg

ขอเรื่อง MMA อีกสักที / ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”

ช่วงที่ผ่านมาเขียนเรื่องเกี่ยวกับ Mixed Martial Arts หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสม และมีแฟนคอลัมน์หลายท่านร่วมแสดงความคิดเห็น เลยอยากขอคุยต่อเรื่องนี้อีกสักหน่อย

ภาพของกีฬาการต่อสู้ประเภทศิลปะการต่อสู้แบบผสม ที่เราคุ้นๆ กันอยู่ ค่อนข้างโหดร้ายออกไปในแนวป่าเถื่อน เหมือนไม่มีกติกา และมีความรุนแรงเกือบจะเกินคำว่ากีฬาไป แต่จริงๆ แล้ว การต่อสู้เหล่านั้นมาจากช่วงแรกๆ ของการนำการต่อสู้แบบข้างถนน จากใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน หลายๆ ท่านน่าจะจำฉากจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ที่มีการต่อสู้ทุกรูปแบบ ซึ่งก็ถูกใจแฟนกลุ่มหนึ่งที่อยากเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดถึงเลือดถึงเนื้อ โดยเฉพาะยุคที่กีฬาการต่อสู้ที่เราคุ้นเคยอย่างมวยไทยหรือแม้แต่มวยสากลอาชีพ ไม่มีซูเปอร์สตาร์ตัวจริงที่ขึ้นชกเมื่อไหร่ก็มีแฟนติดตาม ทำให้มีช่องว่างที่มีผู้นำการต่อสู้แบบนี้ขึ้นมา โดยจุดขายคือการต่อสู้ที่ค่อนข้างจะเป็นอิสระ ทำอะไรก็ได้ และโดยเฉพาะการให้ต่อสู้ในกรง อย่างพวก Cage Fighter เหล่านี้ สร้างภาพว่าเป็นการต่อสู้ที่ดิบสุดๆ ซึ่งก็ถูกใจสาวกกลุ่มหนึ่ง แต่ก็ทำให้ภาพความโหด เถื่อน ฯลฯ ติดไปกับการต่อสู้แบบนี้อย่างช่วยไม่ได้

แต่ศิลปะการต่อสู้แบบผสม โดยเฉพาะสถาบัน UFC ที่เป็นสถาบันใหญ่ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในตอนนี้ เริ่มมาจากคำถามที่ว่า ศิลปะการต่อสู้แบบไหนที่มันเจ๋งที่สุดในโลกนี้ อย่างเราเองก็มีความเชื่อกันว่ามวยไทยนี่แหละเยี่ยมสุดแล้ว อันตรายสุดแล้ว พวกคาราเต เทควันโด หรือมวยปล้ำ ก็ว่าตัวเองแน่สุดเหมือนกัน ก็เลยมีความพยายามนำเอาสุดยอดฝีมือในแต่ละประเภทมาลุยกัน แต่การนำสุดยอดฝีมือเหล่านี้มาสู้กัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกติกาหลากหลาย อย่างมวยไทยเราก็ใช้ศอกใช้เข่าได้ แต่อย่างอื่นห้าม มวยปล้ำมีการล็อกการหัก แต่อื่นๆ เน้นยืนสู้

แฟนกีฬารุ่นใหญ่หน่อยอาจจำภาพการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ในช่วงปี ค.ศ. 1976 ระหว่าง มูฮัมหมัด อาลี ยอดแชมป์โลกมวยสากลรุ่นเฮฟวีเวตชาวอเมริกัน กับ “ไอ้นกกระทุง” อันโตนิโอ อิโนกิ ยอดแชมป์มวยปล้ำชาวญี่ปุ่นกันได้ การต่อสู้ครั้งนั้นสร้างกระแสฮือฮาได้มาก แฟนๆ อยากดูกันสุดๆ แต่พอขึ้นเวทีจริง อิโนกิ ก็ลงนอนกับพื้นตลอด 15 ยก พยายามเตะขาให้ล้มเพื่อจะได้จับล็อกได้ ส่วน อาลี ก็เต้นหนีไปมาและแทบไม่ได้ต่อยหมัดเลย และจบลงด้วยผลเสมอแบบน่าเบื่อสุดๆ

ก็เลยเป็นที่มาของการค่อยๆ ปรับกติกามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นกติกากลางที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ในศิลปะการต่อสู้แบบผสม ที่เรียก Unified Rules of MMA ที่หลักๆ แล้วอนุญาตให้ใช้อาวุธและการล็อกการหักแทบทุกอย่าง ยกเว้นพวกเอานิ้วจิ้มตา บีบจุดยุทธศาสตร์ กัด ทึ้งผม หรือการเอาศอกกระแทกแบบกระแทกลง (ฟันศอกได้ แต่ถองไม่ได้) อะไรต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งถ้าพูดกันอย่างยุติธรรมแล้ว ก็เป็นกติกาที่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของนักกีฬาเป็นหลัก ดังนั้นจะบอกว่า MMA เป็นกีฬาที่รุนแรงโหดร้ายป่าเถื่อน ก็คงไม่ยุติธรรมนัก

แต่สิ่งที่ MMA ต้องยอมรับก็คือ นักสู้ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งตัวใหญ่ๆ แล้วก็จะเน้นเรื่องการล็อกการหักมากกว่าการใช้อาวุธอื่นๆ ภาพที่ออกมาเลยมักเป็นการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่กับพื้น แล้วก็ล็อกกันอยู่อย่างนั้น ซึ่งก็น่าเบื่อจริงๆ คือคนจะดูสนุกต้องดูให้ออกว่านักสู้ทั้งคู่กำลังพยายามล็อกกันยังไง จับอีกฝ่ายยังไง คล้ายๆ มวยไทยที่กอดปล้ำกันพยายาม “แต่งตัว” เพื่อตีเข่าแหละครับ คนไม่คุ้นก็ดูไม่สนุก ซึ่งอันนี้ผู้อยู่ในวงการ MMA ก็คงต้องหาทางทำให้คนดูสนุกไปด้วยให้ได้ เพื่อไม่ให้เสื่อมความนิยมครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น