เอเยนซี - ผ่านพ้นไปครึ่งทางแล้วสำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ฤดูกาล 2013 ล่าสุดตำแหน่งผู้นำบนตารางตกเป็นของ มาร์ค มาร์เกวซ สตาร์ของ เรปโซล ฮอนด้า ที่ก้าวขึ้นมารับไม้ต่อจาก เคซีย์ สโตเนอร์ รุ่นพี่ที่ประกาศรีไทร์ไป โดยปัจจุบัน รุคกี้หนุ่มชาวสเปนโกยไปแล้ว 213 แต้ม จากผลงานอันลือลั่นบนแทร็กในปีนี้ มีลุ้นโอกาสสร้างประวัติศาสตร์คว้าตำแหน่งแชมป์โลกไปนอนกอดตั้งแต่ปีแรกที่ขึ้นมาตามรอยนักซิ่งในตำนานที่ทำไว้เมื่อ 35 ปีที่แล้ว
นับตั้งแต่ศึก โมโตจีพี ฤดูกาล 2013 เปิดฉากสนามแรกที่กาตาร์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สายตาของสื่อทุกสำนักรวมถึงแฟนๆ ผู้ชื่นชอบการประลองความเร็วของโลกสองล้อ ต่างจับจ้องไปที่ “เดอะ ดอกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี เจ้าพ่อแห่งวงการที่กลับมาอยู่กับทีมเก่าอย่าง ยามาฮ่า ขณะที่บรรดาเกจิทั้งหลายฟันธงว่า การแย่งตำแหน่งแชมป์โลกในปีนี้น่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง รอสซี กับ ฆอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีมดีกรีแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว ชนิดที่ค่ายคู่แข่งอย่าง เรปโซล ฮอนด้า ไม่อยู่ในสายตา
ทว่าหลังชิงชัยไปแล้ว 11 สนาม ปรากฏว่าคู่หูนักบิดของ เรปโซล ฮอนด้า อย่าง ดานี เปโดรซา และ มาร์ค มาร์เกวซ ทำได้ดีเกินคาด หลังโชว์ลีลาบิดคันเร่งแย่งแชมป์กับ ยามาฮ่า แบบสูสี โดยเฉพาะ มาร์เกวซ ที่ฉายฟอร์มร้อนแรงเกินต้านทานกวาดแชมป์ไปแล้ว 5 สนามในฤดูกาลนี้ไล่ตั้งแต่ ออสติน, แซชเซนริง, ลากูนา เซกา, อินเดียนาโปลิส และสนามที่เพิ่งผ่านพ้นไปอย่าง เบอร์โน ที่บิดแซงรุ่นพี่อย่าง ลอเรนโซ ในรอบที่ 15 ก่อนซิ่งผ่านธงตราหมากรุกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
ผลงานของ มาร์เกวซ สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาคู่แข่ง รวมถึงสื่อในวงการมอเตอร์สปอร์ตเป็นอย่างมาก ถือว่าเข้าข่ายบิ๊กเซอร์ไพรส์ของปีนี้ก็ว่าได้ ทั้งที่เจ้าหนูวัย 20 ปี เพิ่งได้รับโอกาสจาก ชูเฮย์ นากาโมโตะ ทีมบอสจอมเคี่ยวของ ฮอนด้า ให้ขึ้นมาแทน “คิงเคซีย์” เคซีย์ สโตเนอร์ ซึ่งรีไทร์ไปเมื่อปีที่แล้ว โดยรุกกีจากแดนกระทิงดุแสดงให้เห็นว่าสามารถรับมือกับเครื่องยนต์ที่กำลังเยอะกว่ารุ่นโมโตทูได้อย่างสบาย เพราะน้อยคนที่จะยกระดับขึ้นมาได้เร็ว ชนิดที่ นิคกี เฮย์เดน หรือ คัล ครัทช์โลว์ เลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ๆ สมัยก่อนก็ยังทำไม่ได้
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของ มาร์เกวซ ทำให้เกจิแห่งวงการนำไปเทียบกับ เคนนี โรเบิร์ตส ตำนานนักซิ่งชาวอเมริกันจาก ยามาฮ่า ที่มีเส้นทางคล้ายกันในปี 1978 คือขยับจากรุ่น 250 ซีซี มาแข่งรุ่นใหญ่สุด 500 ซีซี โดยปีนั้นไล่บี้กับ แบร์รี ชีน ตำนานของ ฮอนด้า ได้อย่างสูสี ก่อนเข้าป้ายคว้าแชมป์โลกไปครองแบบเฉือนกันแค่ 10 แต้มเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสไม่น้อยที่ มาร์เกวซ จะเดินตามรอยเท้าของ โรเบิร์ตส ขึ้นไปหยิบแชมป์โลกได้ในปีแรกที่ขึ้นมาหากยังรักษาความแรงได้อย่างต่อเนื่อง
โดย มาร์เกวซ ให้สัมภาษณ์สื่อยอมรับว่าผลงานของตัวเองปีนี้เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย แม้ได้รับการยกย่องให้มีโอกาสเป็นแชมป์โลก แต่ก็ยังถ่อมตัวโดยกล่าวว่า “ผมค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย เพราะแน่นอนว่ารถของ โมโตจีพี มีน้ำหนักมากกว่ารุ่นโมโตทูที่ผมเคยแข่งหลายเท่า แถมยังควบคุมลำบาก จึงต้องมีการวางแผนที่รอบคอบกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ผมยังไม่อยากคิดถึงเรื่องแชมป์โลก เพราะฤดูกาลยังอีกยาวไกล ซึ่งหากทำได้ก็ต้องยอมรับว่าโชคดีมากกว่า”
อย่างไรก็ดี แฟนคลับของค่าย ยามาฮ่า หรือทีมอื่นอาจปรามาส เนื่องจาก มาร์เกวซ อาศัยช่วงเวลาที่ ลอเรนโซ เต็งหนึ่งของฤดูกาล และ เปโดรซา รุ่นพี่ทีมเดียวกันมีปัญหาบาดเจ็บจากการล้มในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ไล่โกยแต้มเข้ากระเป๋าตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งหากทั้งคู่กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกอาจสร้างปัญหาให้กับรุคกี้หนุ่มรายนี้พอสมควร เพราะถือว่าแต้มยังห่างกันไม่มาก
นอกจากนี้สไตล์การขี่แบบมุทะลุกล้าได้กล้าเสีย ก็ถือเป็นดาบสองคม เพราะเห็นได้ว่าหลายสนามที่ มาร์เกวซ เป็นแชมป์ก็อาศัยการบิดกดดันคู่ต่อสู้ ก่อนหาช่องแซงแบบเสี่ยงอันตรายหลายครั้งเพียงแต่โชคดีที่ยังดวงแข็งรอดมาได้โดยไม่ล้มคว่ำไปก่อน ดังนั้นต้องมารอดูว่าอีก 7 สนามที่เหลือต่อจากนี้ มาร์เกวซ จะยังแรงได้ต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งหากยังรักษามาตรฐาน ลบจุดอ่อนของตัวเองได้ ความฝันที่จะขึ้นมาผงาดบัลลังก์แชมป์สองล้อฤดูกาลนี้คงไม่หนีไปไหน