คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
การแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่าง บาร์เซโลนา ยอดทีมจากลาลีกา กับทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ภายใต้การนำของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จบไปแล้วตั้งแต่ค่ำวันพุธที่ผ่านมา ทว่าสิ่งที่เราๆ ท่านๆ ได้เห็นนอกจากชัยชนะท่วมท้นของทีม “เจ้าบุญทุ่ม” คือ มาตรฐานของผู้ตัดสินที่ถูกยกให้เป็นมือ 1 ของประเทศไทย อย่าง ชัยยะ มหาปราบ ซึ่งหากมองผ่านๆ ความผิดพลาดที่มอบจุดโทษแก่ ธีรศิลป์ แดงดา จนนำมาสู่ประตูตีไข่แตก ทั้งที่โดนเสียบนอกกรอบเขตโทษ ก็อาจพอเข้าใจว่าคนไม่ใช่เครื่องจักร ความผิดพลาดจึงเป็นเรื่องธรรมดา ขนาด เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธาน “ฟีฟา” ยังเคยกล่าวว่าสิ่งนี้คือ “เสน่ห์” ของฟุตบอล
ผมจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน เคยเกิดความสงสัยกับตัวเองว่าใครคือ ผู้ตัดสินเบอร์ 1 ของไทย ซึ่งพอไปพูดคุยกับคนในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็แนะนำให้รู้จักกับผู้ตัดสินฟีฟา อย่าง “เปาชัยยะ” และมีการพูดคุยสัมภาษณ์กันไปตามเนื้อผ้า ผ่านมาหลายปี ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้ลองไปถามแฟนฟุตบอลสิครับว่า มีใครยกย่องผู้ตัดสินท่านดังกล่าวบ้าง ที่พูดมาแบบนี้ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นแต่ประการใด เพียงแต่สิ่งที่ได้เห็น และได้ยินมันตรงข้ามกันมาก
หลายครั้งคงจำได้ว่าเกมลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีก เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้เล่นด้วยกันเอง หรือผู้เล่นกับผู้ตัดสิน หรือแฟนบอลด้วยกันเองมาบ่อยครั้ง มีการด่าทอการทำหน้าที่ผู้ตัดสินที่ทำผิดพลาดจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน จนนำมาสู่การลงโทษ การลดชั้น ตามแต่คณะกรรมการที่สมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นเพื่อติดตามเรื่องดังกล่าว แต่ที่น่าสนใจคือทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เรายังเห็นผู้ตัดสินหลายคนที่มีความผิดพลาดมาทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง พอมีการไถ่ถามถึงผู้รับผิดชอบก็บอกว่ามีการลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อพ้นโทษก็ทำหน้าที่ได้ดังเดิม พร้อมกับสร้างปัญหาแบบเดิมๆ
ทุกวันนี้ขนาดผู้ตัดสินที่มีคดีอาญาติดตัวจากการก่ออาชญากรรมร้ายแรงก็ยังลอยหน้าลอยตาทำหน้าที่ในสนามต่อไป แถมผลงานในสนามก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนฟุตบอล หรือสร้างการยอมรับจากสโมสรต่างๆ ก็ยังมีการอุ้มชูปกป้องจาก “เสธ.” ขาใหญ่ที่ดูแลการจัดตัวผู้ตัดสิน ถามกันตรงๆ ว่าประเทศชาติไทยเราหาผู้ตัดสินที่ดีกว่านี้มาทำหน้าที่ไม่ได้แล้วหรือ ถ้ามีใครบอกว่าไม่ได้ ก็ควรจะต้องพิจารณาตัวคนพูดแล้วว่าเกิดเพราะเหตุใด
จำได้ว่าคนระดับ “อาจารย์อั๋น” ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ อดีตผู้ตัดสินไทยที่เคยไปทำหน้าที่ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส แสดงความอึดอัดถึงขนาดเคยดับเครื่องชนวงการ “เชิ้ตดำ” ทุกวันนี้ว่าสุดแก้ไข เกินเยียวยา พร้อมยืนยันว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสมาคมฟุตบอลไทยเมื่อไหร่ก็พร้อมอาสาตัววางรากฐานการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินกันใหม่ ให้ดีกว่าทุกวันนี้ ใครพวกขาใหญ่ก็ได้งานเยอะ ใครเป่าดีแต่ไม่มีพวกก็อย่าหวังว่าจะได้งาน
ก็ได้แต่หวังว่าอีกไม่นานการเปลี่ยนแปลงจะมาถึง เพราะเชื่อแฟนบอลก็อึดอัดกับการทำหน้าที่ของ “เชิ้ตดำ” ผู้มีตำหนิ แต่มากด้วยผู้มีบารมีหนุนหลังกันเต็มทีแล้ว
การแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่าง บาร์เซโลนา ยอดทีมจากลาลีกา กับทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ภายใต้การนำของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จบไปแล้วตั้งแต่ค่ำวันพุธที่ผ่านมา ทว่าสิ่งที่เราๆ ท่านๆ ได้เห็นนอกจากชัยชนะท่วมท้นของทีม “เจ้าบุญทุ่ม” คือ มาตรฐานของผู้ตัดสินที่ถูกยกให้เป็นมือ 1 ของประเทศไทย อย่าง ชัยยะ มหาปราบ ซึ่งหากมองผ่านๆ ความผิดพลาดที่มอบจุดโทษแก่ ธีรศิลป์ แดงดา จนนำมาสู่ประตูตีไข่แตก ทั้งที่โดนเสียบนอกกรอบเขตโทษ ก็อาจพอเข้าใจว่าคนไม่ใช่เครื่องจักร ความผิดพลาดจึงเป็นเรื่องธรรมดา ขนาด เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธาน “ฟีฟา” ยังเคยกล่าวว่าสิ่งนี้คือ “เสน่ห์” ของฟุตบอล
ผมจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน เคยเกิดความสงสัยกับตัวเองว่าใครคือ ผู้ตัดสินเบอร์ 1 ของไทย ซึ่งพอไปพูดคุยกับคนในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็แนะนำให้รู้จักกับผู้ตัดสินฟีฟา อย่าง “เปาชัยยะ” และมีการพูดคุยสัมภาษณ์กันไปตามเนื้อผ้า ผ่านมาหลายปี ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้ลองไปถามแฟนฟุตบอลสิครับว่า มีใครยกย่องผู้ตัดสินท่านดังกล่าวบ้าง ที่พูดมาแบบนี้ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นแต่ประการใด เพียงแต่สิ่งที่ได้เห็น และได้ยินมันตรงข้ามกันมาก
หลายครั้งคงจำได้ว่าเกมลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีก เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้เล่นด้วยกันเอง หรือผู้เล่นกับผู้ตัดสิน หรือแฟนบอลด้วยกันเองมาบ่อยครั้ง มีการด่าทอการทำหน้าที่ผู้ตัดสินที่ทำผิดพลาดจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน จนนำมาสู่การลงโทษ การลดชั้น ตามแต่คณะกรรมการที่สมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นเพื่อติดตามเรื่องดังกล่าว แต่ที่น่าสนใจคือทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เรายังเห็นผู้ตัดสินหลายคนที่มีความผิดพลาดมาทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง พอมีการไถ่ถามถึงผู้รับผิดชอบก็บอกว่ามีการลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อพ้นโทษก็ทำหน้าที่ได้ดังเดิม พร้อมกับสร้างปัญหาแบบเดิมๆ
ทุกวันนี้ขนาดผู้ตัดสินที่มีคดีอาญาติดตัวจากการก่ออาชญากรรมร้ายแรงก็ยังลอยหน้าลอยตาทำหน้าที่ในสนามต่อไป แถมผลงานในสนามก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนฟุตบอล หรือสร้างการยอมรับจากสโมสรต่างๆ ก็ยังมีการอุ้มชูปกป้องจาก “เสธ.” ขาใหญ่ที่ดูแลการจัดตัวผู้ตัดสิน ถามกันตรงๆ ว่าประเทศชาติไทยเราหาผู้ตัดสินที่ดีกว่านี้มาทำหน้าที่ไม่ได้แล้วหรือ ถ้ามีใครบอกว่าไม่ได้ ก็ควรจะต้องพิจารณาตัวคนพูดแล้วว่าเกิดเพราะเหตุใด
จำได้ว่าคนระดับ “อาจารย์อั๋น” ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ อดีตผู้ตัดสินไทยที่เคยไปทำหน้าที่ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส แสดงความอึดอัดถึงขนาดเคยดับเครื่องชนวงการ “เชิ้ตดำ” ทุกวันนี้ว่าสุดแก้ไข เกินเยียวยา พร้อมยืนยันว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสมาคมฟุตบอลไทยเมื่อไหร่ก็พร้อมอาสาตัววางรากฐานการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินกันใหม่ ให้ดีกว่าทุกวันนี้ ใครพวกขาใหญ่ก็ได้งานเยอะ ใครเป่าดีแต่ไม่มีพวกก็อย่าหวังว่าจะได้งาน
ก็ได้แต่หวังว่าอีกไม่นานการเปลี่ยนแปลงจะมาถึง เพราะเชื่อแฟนบอลก็อึดอัดกับการทำหน้าที่ของ “เชิ้ตดำ” ผู้มีตำหนิ แต่มากด้วยผู้มีบารมีหนุนหลังกันเต็มทีแล้ว