อาเดรียโน กัลเลียนี รองประธานสโมสร “ปิศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่จากอิตาลี เผยถึงการล้มแผนคว้าตัว มาติอัส ซิลเวสตรี ปราการหลัง “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ทีมดังร่วมเวทีกัลโช เซเรีย อา มาร่วมเสริมแนวรับหลังจากทีมประสบปัญหาในเกมรับ
กองหลังชาวอาร์เจนไตน์ วัย 28 ปี มีโอกาสลงเล่นให้สโมสรต้นสังกัดเพียง 9 นัดในช่วงฤดูกาลที่แล้ว จึงเป็นเหตุให้แข้งรายนี้ต้องการเปลี่ยนสีเสื้อทีมจากน้ำเงิน-ดำ ของ อินเตอร์ ไปสวมยูนิฟอร์มแดง-ดำ ของ มิลาน ในฤดูกาลหน้า แต่ดูเหมือนว่าทั้ง 2 ทีมใหญ่จะไม่สามาถหาข้อยุติที่ลงตัวในข้อตกลงซื้อขายนักเตะรายนี้ได้
กัลเลียนี เปิดเผยผ่าน “สกาย สปอร์ต” ว่า “ดูเหมือนว่าเราใกล้ที่คว้าตัวนักเตะมาร่วมทีมเป็นผลสำเร็จในการเจรจาในวันนี้ แต่ดูเหมือนว่าเราต้องเลื่อนมันออกไปก่อน ซึ่งตอนนี้เราได้เปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นนักเตะคนอื่นที่จะมาอุดช่องโหว่ในแดนหลังแทนเขาแล้ว”
โดยรองประธาน รอสโซเนรี เผยว่าต้องการหากองหลังมาอุดช่องโหว่ในเกมรับของทีม หลังจากที่ ดานิเอเล โบเนรา ปราการหลังตัวเก๋าต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บและต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า รวมถึงต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บเป็นเวลา 3 เดือน
โบเนรา เป็นดั่งปราการหลังตัวสำคัญในแนวรับของทัพ “รอสโซเนรี” แต่คาดว่าแข้งรายนี้จะไม่สามารถลงช่วยทีมได้ในช่วงต้นฤดูกาล โดย มิลาน น่าจะหันมาใช้งาน ฟิลิปป์ เม็กแซส, คริสเตียน ซาปาตา และเจเฮอร์สัน เวอร์การา ลงทำหน้าที่ หลังจากสโมสรได้ปล่อยสองเซ็นเตอร์แบ็กอย่าง มาริโอ เยเปส ไปให้ อตาลันตา และ บราโตส์ซ ซาลามอน ให้โปแลนด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้