แข้งดังยี้ “พรีเมียร์ฯ” ถึงเวลาสิ้นมนต์ขลัง

เอเยนซี - ครั้งหนึ่ง พรีเมียร์ ลีก เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเวทีที่สามารถดึงดูดพ่อค้าแข้งจากทั่วทุกมุมโลก แต่เกิดอะไรขึ้นกับซัมเมอร์นี้ที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง ราดาเมล ฟัลเกา, เอดินสัน คาวานี, อิสโก, ติอาโก อัลคานทารา และ กอนซาโล ฮิกัวอิน ซึ่งล้วนเป็นที่หมายปองของสโมสรระดับหัวแถวของอังกฤษกลับเมินที่จะย้ายมาโกยเงินปอนด์รวมถึงไขว่คว้าเกียรติยศบนดินแดนเมืองผู้ดีแห่งนี้

ทั้งที่สถานะการเงินของ แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ เชลซี ก็ไม่ได้เป็นรอง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ คาวานี กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย เลือกย้ายจาก นาโปลี ด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,640 ล้านบาท) หรือ โมนาโก ที่ ฟัลเกา หอกโคลอมเบีย เลือกผละ แอตเลติโก มาดริด ไปด้วยค่าตัว 53 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,544 ล้านบาท) รวมถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีฐานแฟนบอลทั่วโลก แต่ตอนนี้กลับยังไม่ได้แข้งระดับแม่เหล็กแม้แต่รายเดียวจนทำให้สาวก “เรด เดวิลส์” เริ่มกระสับกระส่าย เพราะฤดูกาลใหม่ 2013-14 จะเปิดฉากกลางเดือนสิงหาคมนี้แล้ว

สัญญาณเตือนเริ่มชัดเจนและกะพริบถี่ขึ้นศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา 2 ชาติมหาอำนาจอย่าง สเปน และ เยอรมนี เข้าสู่รอบตัดเชือกก่อนที่นัดชิงจะเป็นศึกสายเลือดของเมืองเบียร์ สุดท้ายเป็น บาเยิร์น มิวนิก คว้าแชมป์ไปครอง ซึ่งไม่แค่นั้น “เสือใต้” ยังสามารถดึงดูด เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตกุนซือ บาร์เซโลนา ไปรับไม้ต่อจาก จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส ส่งเอฟเฟกต์ให้ อัลคานทารา กองกลางทีมชาติสเปนชุดยู 21 ปีดีกรีแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2013 เมิน แมนฯยู แล้วเลือกไปผจญภัยบนเวที บุนเดสลีกา แทน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานถ้วยยุโรปของสโมสรอังกฤษที่ตกลงไปจากการเคยมีตัวแทนผ่านเข้าชิง 5 ฤดูกาลติดต่อกัน คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักเตะย้ายไปอยู่กับทีมที่โดดเด่นกว่าอย่าง บาเยิร์น, ดอร์ทมุนด์ รวมถึง ยูเวนตุส ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ “เสือเหลือง” กับการปล่อย ชินจิ คากาวะ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่นให้กับ แมนฯยู เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด

แม้ว่าทีมอังกฤษจะพร้อมจ่ายค่าเหนื่อยให้นักเตะอย่างต่ำระดับแสนปอนด์ (ประมาณ 4.8 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ เหนือกว่าพวก สเปน และ เยอรมนี ที่ถือว่ามีเพดานและระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัดกว่า แต่การมาของ เปแอสเช และ โมนาโก 2 สโมสรแห่งเวที ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่รายแรกมีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนตะวันออกกลาง คือกาตาร์ และรายหลังมีเศรษฐีรัสเซียหนุนหลัง ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีพลังขนาดไหนในการคว้าทั้ง คาวานี และ ฟัลเกา

นอกจากนี้ โมนาโก ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจาก ลีก 2 ก็ยังได้ เจา มูตินโญ กองกลางทีมชาติโปรตุเกสมาจาก ปอร์โต ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1 พันล้านบาท) ทั้งที่ อังเดร บียาส-โบอาส กุนซือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตามจีบลูกน้องเก่าอย่างหนัก แต่สุดท้ายต้องผิดหวังไป นอกจากนี้ แมนฯยู ยังวืด เจมส์ โรดริเกซ ปีกโคลอมเบียที่เลือกไปอยู่ถิ่น สต๊าด หลุยส์ ที่ 2 ด้วย

โดยแม้รายได้แมตช์เดย์ของ โมนาโก จะไม่มากมาย เนื่องจากสนามมีความจุแค่ 18,000 ที่นั่ง แต่ด้วยเงินทุนไม่จำกัดเรื่องนี้ก็เป็นแค่ขี้ผงเท่านั้น และ ฟัลเกา ก็เลือกที่จะมาสวมเสื้อสีขาว-แดงมากกว่าจะไปยังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี ที่ครั้งหนึ่งก็เคยตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก่อนที่ โรมัน อบราโมวิช เศรษฐีชาวรัสเซียจะเข้ามาเทกโอเวอร์และเปลี่ยนโฉมหน้าเมื่อปี 2003

ยังไม่นับสโมสรอย่าง ลิเวอร์พูล ที่แข้งอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ร่ำร้องอยากย้ายไปเล่นให้ทีมที่มีสิทธิ์ลุยศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รวมถึง อาร์เซนอล ที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะได้นักเตะขี่ม้าขาวซึ่งจะเข้ามาหยุดสถิติไร้แชมป์นับตั้งแต่ปี 2005 ล่าสุด ฮิกัวอิน ก็เมินที่จะจาก รีล มาดริด มาเล่นให้ โดยขอไปแสวงหาความท้าทายกับ นาโปลี ดีกว่า เพราะเวที กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ก็เริ่มที่จะลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง หลัง ยูเวนตุส กลับมาทวงความยิ่งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปีหน้ายิ่งน่ากลัวกับแนวรุกอย่าง คาร์ลอส เตเบซ และ เฟร์นานโด ยอเรนเต

เหมือนเป็นภาพที่กลับมาหลอน พรีเมียร์ฯ และโมเมนตัมของวงการที่กำลังเทไปยังลีกอื่นตามวัฏจักรของมัน ทำให้ตอนนี้อังกฤษกำลังถอยหลังสู่การเป็นลีกเบอร์ 1 ของโลกตามหลัง สเปน และ เยอรมนี เพราะระดับ แมนฯยู ยังไม่ใกล้เคียงกับการที่จะดูดแข้งอย่าง เชส ฟาเบรกาส กองกลาง บาร์เซโลนา หรือเด็กเก่า คริสเตียโน โรนัล แนวรุก รีล มาดริด ยิ่งถ้า แกเร็ธ เบล ปีกของ สเปอร์ส เลือกที่จะย้ายไปค้าแข้งต่างแดนอีกก็น่าจะต้องกลับมาพิจารณากันอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเสน่ห์ของเกมลูกหนังที่เคยตลบอบอวลกลับหายไป