“เอ-อาร์ต” ฮอร์โมนแรง กัดกันเองฉาวทั่วโลก

ASTV ผู้จัดการรายวัน – เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับวงการแบดมินตันไทยที่กำลังไปได้สวย เมื่อ มณีพงศ์ จงจิตร กับ บดินทร์ อิสระ อดีตคู่หูขนไก่ทีมชาติไทย ที่เคยสร้างชื่อผ่านเข้าถึงรอบ 8 คู่สุดท้ายศึก โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ 2012 ได้มีเรื่องชกต่อยกันอย่างรุนแรงระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศศึก แคนาดา โอเพน ประเภทชายคู่ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 เมืองริชมอนด์ ประเทศแคนาดา จนเป็นข่าวใหญ่โต สุดท้ายเป็นคู่ มณีพงศ์ กับ นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ชนะไปหลังนำอยู่ 1-0 เกม 21-12 และกรรมการเขียนรายงานว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน

สิ่งที่ถูกประจานไปทั่วโลกทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กแสดงให้เห็นว่า บดินทร์ เป็นฝ่ายไล่ประเคนหมัดใส่ มณีพงศ์ จนลงไปกองกับพื้น อย่างไรก็ตามทั้งคู่เริ่มกระทบกระทั่งกันตั้งแต่คะแนนแรกของเกมแรกด้วยวาจาและท่าทางที่เยาะเย้ยใส่กันไปมาทันทีที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำแต้มได้ จากนั้นได้มีการใช้คำรุนแรงถึงแจก “ของลับ”

จังหวะวิ่งหนีชุลมุนนี้เอง ทำให้ มณีพงศ์ ใช้ไม้ฟาดเข้าที่หูขวาของ บดินทร์ สุดท้ายฉีกต้องเย็บถึง 5 เข็ม ซึ่งทางด้าน “เอ” บดินทร์ ก็ได้อัดคลิปจากที่ประเทศแคนาดาแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แล้ว พร้อมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งขอโทษแฟนแบดมินตันชาวไทยที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงมีเรื่องกับ มณีพงศ์ ที่แยกทางกันเมื่อต้นปี 2556 ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจว่าเป็นเพราะเรื่องค่าเหนื่อยเพียงอย่างเดียว จึงต้องเปลี่ยนสังกัด แต่ลึกๆ แล้วทั้งคู่มีปัญหาน้อยใจกันและกันมาโดยตลอด ซึ่งก็มีที่มาจากผู้ใหญ่ของสมาคมด้วย

หลังเหตุงามหน้าเกิดขึ้น ศ.เจริญ วรรธนะสิน นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยได้รับคำอธิบายจากนางรุ่งนภา พินทุวัฒน์ ผู้จัดการทีมชุดนี้ ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ซึ่งตนได้ให้ทางผู้จัดการทีมและทีมสตาฟฟ์โค้ชรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเขียนรายงานและจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยชุดพิเศษเพื่อพิจารณาความประพฤติของนักกีฬาไทยทั้งคู่ทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทยวันอังคารที่ 23 กรกฎาคมนี้

อย่างไรก็ตามเรื่องที่ประมุขขนไก่ไทยเป็นห่วงมากที่สุด คือสหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ บีดับเบิลยูเอฟ กำลังจับตาดูและเตรียมออกบทลงโทษ “มีความเป็นไปได้ว่าทั้งคู่อาจโดนพิจารณาโทษสูงสุด คือพ้นจากการเป็นนักกีฬาของสหพันธ์ฯ ตลอดชีวิต ฉะนั้นทางสมาคมฯจึงจำเป็นต้องรีบดำเนินการสอบสวนวินัยกับนักกีฬา โดยโทษสูงสุดของสมาคมฯ คือห้ามลงแข่งขัน 1-2 ปี แต่ต้องรอการพิจารณาความผิดของนักกีฬาอีกครั้งทันทีที่พวกเขามาถึง ตลอดระยะเวลาเกือบ 58 ปีที่ผมอยู่ในวงการแบดมินตันไทยไม่เคยเกิดเรื่องเสื่อมเสียมาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่แย่มาก”

ส่วน “ท็อป” ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ คู่หูของ บดินทร์ อิสระ ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้กล่าวว่า “อีกมุมหนึ่งถ้าได้ดูเหตุการณ์จากคลิปทั้งหมดจะพบว่า บดินทร์ เป็นฝ่ายผิดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จริงๆ แล้วเป็นฝั่ง มณีพงศ์ ที่มีนิสัยยั่วยุฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่จะเดินเพื่อสลับแดนได้แจกของลับให้ ทำให้ บดินทร์ ไม่พอใจ สาวหมัดใส่ ก่อนที่ มณีพงศ์ จะใช้แร็กเกตตีเข้าที่กกหูจนภาพปรากฏตามคลิปดังกล่าว”

ส่วนกระแสบรรดานักแบดมินตันรุ่นพี่ทีมชาติไทย ต่างออกมาแสดงทัศนะถึงเหตุฉาวโฉ่ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ ชายเดี่ยวมือ 1 ของประเทศ กล่าวว่า “รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของเด็กวัยรุ่น รวมทั้งการกระทบกระทั่งขณะแข่งขันมากกว่าที่ทำให้เกินเลยไป ซึ่งตนก็อยากให้ใจเย็นมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามคงต้องรอให้ทางผู้ใหญ่ของสมาคมแบดมินตันฯ เป็นผู้พิจารณาบทลงโทษว่าใครถูกหรือผิด”

ขณะที่ “เต่า” ร.ต.ต.สุดเขต ประภากมล ตบขนไก่ประเภทคู่ผสม กล่าวว่า “เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นในสนามแข่งขัน ซึ่งตนคิดว่าทั้งคู่อาจจะมีปัญหาก่อนหน้า แต่ไม่ทราบว่าคือเรื่องอะไร แต่เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะจบลงด้วยดี เพราะผมเคยผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นมาก่อนย่อมเข้าใจถึงจุดนั้นเป็นอย่างดี และเมื่อคุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ได้กลับมาย้อนดูเหตุการณ์ในวันนี้ก็จะคิดว่าไม่น่าทำเลย”

ปิดท้ายด้วย “ส้ม” ร.อ.หญิง สราลีย์ ทุ่งทองคำ นักแบดมินตันสาวคู่ผสม ที่คร่ำหวอดในวงการมายาวนานได้กล่าวทำนองเดียวกันว่า “รู้สึกเสียใจและสลดกับเหตุการณ์ที่น้องๆ ได้กระทำลงไป อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่ย่อมมีกันทุกคน เพียงแต่ใครจะยับยั้งมันได้ สุดท้ายก็คงแล้วแต่ทางผู้ใหญ่ของสมาคมฯว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร”

สำหรับผลการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “น้องแน็ต” ณิชชาอร จินดาพล มือ 1 รายการชาวไทย ชนะ ยิป ปุย ยิน มือ 3 จากฮ่องกง 2-0 เกม 21-18, 21-16 ส่วนทัพนักแบดมินตันไทยชุดลุยศึก กรังด์ ปรีซ์ แคนาดา โอเพน จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม ขณะที่ “อาร์ต” บดินทร์ อิสระ แยกกลับวันที่ 24 กรกฎาคมแทน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ