ASTV ผู้จัดการรายวัน – หลังจาก รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยศึกจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก ไม่สามารถยกระดับผลงานของตัวเองจาก 2 สนามล่าสุดที่ เนเธอร์แลนด์ส และ เยอรมนี ได้ตามที่ 2 ต้นสังกัด คือ เกรซินี และ ฮอนด้า ขีดเส้นกำหนดเอาไว้ ดังนั้นผลงานจบอันดับ 23 รายการ “ดอยช์ทลันด์ กรังด์ ปรีซ์” ที่สนาม แซคเซนริง เซอร์กิต เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2556 จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า 7 ปีบนแทร็กความเร็ว 2 ล้อได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมเตรียมส่งไม้ต่อให้คนอื่นก้าวขึ้นมาแทนที่ในอนาคต
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 เด็กหนุ่มจากชลบุรีทายาทของ คริสมาส วิไลโรจน์ ตำนานนักบิดชื่อดังของวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย สร้างความฮือฮาไปทั่วประเทศหลังได้รับโอกาสครั้งสำคัญจาก ฮอนด้า เรซซิง ต้นสังกัดในบ้านเกิดและทีม สต็อป แอนด์ โก ทีมซิ่งจากประเทศสเปน เลือกให้เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของไทยที่ได้สิทธิ์ลงแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น 250 ซีซี ในนาม “ไทย ฮอนด้า สิงห์-แซก” จากผลงานรองแชมป์ ออล เจแปน ในปีเดียวกัน ทำให้สื่อและแฟนความเร็วในเวลานั้นตื่นเต้นกับปรากฎการณ์นี้ไม่น้อย
แต่เส้นทางใน เวิลด์ จีพี ของ “เจ้าฟีม” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้จะทำได้ดีระดับหนึ่งในช่วง 4 ปีแรก ดีที่สุดคือรั้งอันดับ 13 บนตารางชิงแชมป์โลก 2 ปีซ้อน (2008-2009) ทำเอาหลายฝ่ายมองว่ามีแนวโน้มที่จะได้เห็นนักบิดหนุ่มเลือดไทยเปิดแชมเปญฉลองบนตำแหน่งโพเดียมในอนาคต ทว่าหลังทีม สต๊อป แอนด์ โก ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเฟรมรถกลายเป็นว่า รัฐภาคย์ ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเฟรมใหม่ได้เลยไม่ว่าจะเป็น บิโมตา หรือ เอฟทีอาร์ ขณะเดียวกันอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทั้งในและนอกสนามที่ส่งผลให้ลงแข่งได้ไม่เต็มที่และไม่มีแต้มติดมือหลายสนาม ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมซิ่งสัญชาติสเปนต้องขอแยกทางในปี 2011
หลังหยุดไปรักษาอาการเจ็บเอ็นหัวเข่าซ้าย พร้อมกับพักชำระใจด้วยการเข้าอุปสมบทที่วัดใหญ่อินทาราม ที่บ้านเกิด รัฐภาคย์ กลับเข้าสู่วงการอีกครั้งในปี 2012 พร้อมต้นสังกัดใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมอย่าง เกรซินี ทีมซิ่งชื่อดังจากอิตาลีของ ฟาอุสโต เกรซินี ตำนานแชมป์โลก 3 สมัย ทว่าผลงานไม่ดีขึ้น 17 สนามในปีแรกทำได้ดีที่สุดคือจบอันดับ 8 ที่ เลอ มังส์ นอกนั้นไม่ติดท็อป 15 ด้วยปัญหาเดิมๆ คือปรับตัวกับเฟรมรถไม่ได้แถมมีอาการเจ็บที่แขนขวารบกวน จบปีที่อันดับ 27 มีแค่ 9 แต้ม ส่วนปีนี้ผลงานสนามแรกที่ กาตาร์ ออกตัวแรงบิดแซงคู่แข่งขึ้นมาถึงอันดับ 15 ทว่าโชคร้ายถูกปรับโทษเพราะทำจัมป์สตาร์ท จากนั้นผ่านไปแล้ว 7 สนามยังไม่มีแต้มติดมือ
ด้วยฟอร์มบิดอันน่าผิดหวังทำให้ต้นสังกัดอย่าง เกรซินี รวมถึง ฮอนด้า ต้องออกมากระตุ้นพร้อมกับขีดเส้นตายให้หนุ่มนักบิดไทยพยายามเก็บแต้มให้ได้ที่สนาม แอสเซน ประเทศเนเธอร์แลนด์ส และ แซคเซนริง ประเทศเยอรมนี ทว่าสุดท้าย รัฐภาคย์ ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริหารทั้งสองทีมได้ ทำให้นักบิดหมายเลข 14 จำต้องเก็บข้าวของก่อนบอกลาและกล่าวขอบคุณทีมงานของ เกรซินี ทุกคน หลังทำได้เพียงจบอันดับ 23 ในเรซที่เมืองเบียร์
ด้าน อารักษ์ พรประภา บอสใหญ่ของ ฮอนด้า เปิดเผยกับทาง MGR Sport ถึงผลงานตลอด 7 ปีที่ผ่านมาของนักบิดหนุ่มวัย 25 ปี รายนี้ว่า “ผมเข้าใจดีว่า ฟีม มีความมุ่งมั่นในการแข่งขันทุกสนาม แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือปัญหาบาดเจ็บที่แขนและขาซึ่งยังไม่หายขาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลงานโดยตรง ขณะที่ เกรซินี ซึ่งเป็นทีมใหญ่ของวงการก็คงไม่อาจอยู่เฉยได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้หาก ฟีม ยังยืนยันที่จะลงแข่งต่อในประเภทอื่น ฮอนด้า ก็พร้อมสนับสนุน ส่วนเรื่องตัวแทนตอนนี้ได้มีการพูดคุยกับทาง เกรซินี ไว้แล้ว อาจเป็น ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร ที่ได้รับโอกาสซิ่งต่อแต่ทั้งนี้คงต้องอยู่ที่การตัดสินใจของทีมฝั่งอิตาลี”
อย่างไรก็ตาม แม้ตลอด 7 ปีในวงการรถจักรยานยนต์ระดับโลก รัฐภาคย์ ไม่อาจกอบโกยความสำเร็จใดๆเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็เหมือนเป็นการปูทางให้นักบิดรุ่นน้องหน้าใหม่ได้ก้าวขึ้นไปสัมผัสกับโลกของวงการรถจักรยานยนต์ทางเรียบและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศต่อในอนาคต ส่วนชีวิตของ “ฟีม” ต่อจากนี้คงดูแลกิจการร้านขายอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ของตัวเองที่ชลบุรี ซึ่งมีแผนที่จะขยายสาขาออกไปอีก พร้อมให้เวลากับครอบครัวคือ “น้องมด” อนุรดี ภรรยาและลูกชายชื่อ โทรฟี่ย์ ที่เพิ่งลืมตาดูโลกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
