ASTV ผู้จัดการรายวัน – หากเอ่ยชื่อ ฐิติพงศ์ วโรกร แน่นอนว่าหนุ่มตี๋หุ่นนายแบบเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแฟนหนุ่มคนปัจจุบันของ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดาราสาวมากความสามารถและอดีตนางสาวไทย ปี 2543 แต่จะมีสักกี่รายที่ทราบว่าบทบาทแท้จริงของ “ติ๊งโน้ต” คือการเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ที่คอยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในแวดวงความเร็ว ดังนั้นทีมข่าว MGR Sport จึงนำคอกีฬาไปทำความรู้จักกับนักบิดหนุ่ม ผู้ถูกวางให้เป็นตัวเต็งขึ้นไปแข่งระดับโมโตทู คนต่อไป
ติ๊งโน้ต เปิดฉากเล่าถึงที่มาของการเป็นนักซิ่งสองล้อของเมืองไทยว่า ตอนเด็กตนได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคุณพ่อไปสนามแข่งต่างๆ เมื่อเห็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในสนามก็รู้สึกตื่นเต้นและอยากเป็นนักแข่งบ้าง จึงได้รบเร้าให้คุณพ่อซื้อรถจักรยานยนต์รุ่นเล็กให้ หลังจากมีรถเป็นของตัวเองสมใจอยาก ตนจึงพยายามฝึกฝนลองขี่ก่อนออกไปเรียน เมื่อมีความชำนาญมากขึ้นก็ได้ลงแข่งเป็นนักซิ่งรุ่นเล็กตามรายการต่างๆในเมืองไทย และก็มีแชมป์ติดมือหลายสนาม
หลังประสบความสำเร็จในการแข่งขันรุ่นเล็ก ฐิติพงศ์ เผยว่าจากผลงานที่สั่งสมไว้ตั้งแต่ตอนเด็ก ทำให้ตนก้าวเข้าสู่วงการนักแข่งอาชีพกับทางสังกัดยามาฮ่า ก่อนออกตระเวนลงแข่งตามสนามต่างๆในเมืองไทยจนคว้าแชมป์รุ่นซูเปอร์ไบค์มาได้หลายรายการตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งล่าสุด เจ้าตัวก็มีคิวลงบิดรายการ เอเชีย โรด เรซซิง ฤดูกาล 2013 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 เมษายน กับต้นสังกัดใหม่อย่าง ฮอนด้า แฟคทอรี ที่ประเทศมาเลเซีย อีกด้วย
เมื่อถามว่าเสน่ห์ของกีฬาความเร็วชนิดนี้อยู่ตรงไหน นักบิดหนุ่มวัย 24 ปี ผู้มี "เดอะ ด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี แชมป์โลก 9 สมัยชาวอิตาเลียนแห่งวงการโมโตจีพี เป็นฮีโร่ ไม่รอช้าที่จะตอบว่า “ผมว่านี่เป็นกีฬาที่สนุกและน่าสนใจกว่าการแข่งรถยนต์ ก่อนหน้านี้เคยขออนุญาตคุณพ่อไปลงแข่งประเภทรถยนต์บ้าง แต่ผ่านไปได้ครึ่งปีก็รู้สึกว่าไม่ใช่แนวทางของตัวเองเลยกลับมาบิดรถจักรยานยนต์เหมือนเดิม อีกอย่างคือเรามีดีกรีเป็นแชมป์ซูเปอร์ไบค์ติดตัวด้วย จึงอยากมุ่งสมาธิมาทางด้านนี้มากกว่า”
แน่นอนว่าการแข่งรถที่ต้องใช้ความเร็วสูงสุดราว 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บวกกับสัญชาตญาณนักซิ่งบนแทร็ค การบาดเจ็บพลิกคว่ำในสนามย่อมเป็นของคู่กัน ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เข้าสู่วงการนักบิดอาชีพ เคยประสบอุบัติเหตุล้มคว่ำตามสนามต่างๆ จนได้รับบาดเจ็บมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อมือทั้งสองข้าง หัวไหล่ หรือถึงขั้นไหปลาร้าหัก ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้บั่นทอนกำลังใจของตนเองแต่อย่างใด พร้อมเปรยว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาของกีฬาประเภทนี้
“ตอนเด็กๆ พอทุกคนในครอบครัวรู้ว่าผมลงแข่งมอเตอร์ไซค์ ที่บ้านก็เป็นห่วงพอสมควร โดยเฉพาะคุณย่าที่ถึงกับลงทุนจ้างให้ผมเลิกแข่ง เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย แต่โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ท่านสนับสนุนผมอย่างเต็มที่ จึงได้ลงแข่งอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก่อนแข่งนอกจากเตรียมตัวเรื่องสภาพร่างกายแล้ว ก็ได้มีการขอพรหลวงพ่อโสธรทุกครั้ง โดยอธิษฐานขอให้ผมเองทำผลงานได้ดี แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุในสนาม” ติ๊งโน้ต เผยเคล็ดลับก่อนแข่ง
ด้วยความที่ลงแข่งต่อเนื่อง ทำให้ ฐิติพงศ์ ได้ประชันความเร็วกับนักบิดฝีมือดีตามรายการต่างๆ มากมาย ซึ่งเมื่อถามว่าที่ผ่านมามีรายการใดที่ประทับใจที่สุด เจ้าตัวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนเผยถึงการแข่งขันซูเปอร์ไบค์ที่มาเลเซีย เมื่อปี 2010 เนื่องจากเป็นรายการเปรียบเสมือนทดสอบศักยภาพสำหรับรุ่นโมโตจีพีกลายๆ แม้ไม่ได้แชมป์สนาม แต่การได้ยืนบนโพเดียมอันดับ 3 ก็ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มก่อนวาดฝันถึงการไต่ระดับสู่การแข่งขันรุ่นใหญ่ในอนาคต
“ถือเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่านักบิดทุกคนย่อมใฝ่ฝันอยากลงแข่งระดับโมโตจีพี ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น” นักบิดสายเลือดไทย เผยความฝันก่อนอธิบายเรื่องการไต่ลำดับขึ้นไปสู่การแข่งขันรุ่น 1,000 ซีซี ตามหลักสากลทั่วไปว่า “ถ้าอยากลงแข่งโมโตจีพี ก็ควรจะมีแชมป์ระดับเอเชียติดมือให้ทางสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติรับรองก่อน หากมีการพิจารณาว่ามีฝีมือ โอกาสที่จะได้ไปต่อในรุ่นโมโตทู หรือ โมโตจีพี กับทีมดังก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ฮอนด้า ค่ายรถยักษ์ใหญ่แห่งเมืองไทยมีแผนดัน “ติ๊งโน้ต” ขึ้นเป็นตัวแทน “ฟีม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดชาวไทยที่ไปโลดแล่นอยู่ในวงการโมโตทู และมีข่าวเตรียมอำลาวงการในไม่ช้า ซึ่ง ฐิติพงศ์ เผยว่ายังไม่ทราบข่าวแต่หากเป็นจริงตนก็ยินดีรับความท้าทาย เนื่องจากคิดว่าศักยภาพของตัวเองน่าจะทำผลงานในรุ่นโมโตทูได้เป็นอย่างดี หลังเคยได้ไปเทสต์กับทีมสต๊อป แอนด์ โก อดีตต้นสังกัดของ รัฐภาคย์ มาแล้วเมื่อปี 2010 และทำเวลาได้ดีจนทีมงานเอ่ยปากชม
“ปัญหาสำคัญที่ทำให้ยังไม่สามารถผลักดันตัวเองเข้าสู่รุ่นโมโตทู เป็นเพราะเรื่องของทุนทรัพย์เป็นหลัก ทราบมาว่าการจะได้ลงแข่งรุ่นนี้ต้องใช้เงินทุนมหาศาลหลายร้อยล้านบาทต่อฤดูกาล อีกอย่างทางต้นสังกัดผมก็ยังไม่ได้เรียกไปคุยถึงเรื่องนี้ แต่หากได้โอกาสก็จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่ และก็มั่นใจว่าจะต้องทำได้ดีไม่แพ้ใครแน่นอน เพราะหากนับเฉพาะเมืองไทย ผมเจ๋งที่สุดแล้วสำหรับวงการนี้” นักบิดหนุ่มคุยโวตามสไตล์
“สำหรับอนาคตต่อจากนี้ ผมจะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดในการแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิง ที่จะแข่งกัน 6 สนามในปีนี้ แม้ไม่ใช่งานง่ายเพราะต้องชิงชัยกับนักบิดฝีมือดีในแถบเอเชียอย่าง จีน, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย แต่ก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด เพื่อก้าวขึ้นไปแข่งรุ่นโมโตทูภายใน 2 ปี ก่อนไล่ตามความฝันนั่นคือการประชันความเร็วกับ รอสซี, ฆอร์เก ลอเรนโซ หรือ มาร์ค มาร์เกวซ ในโมโตจีพี” ติ๊งโน้ต ทิ้งท้ายถึงเป้าหมายของตัวเองในอนาคต ซึ่งหากเจ้าตัวทำสำเร็จ เชื่อได้ว่าชื่อของ ฐิติพงศ์ วโรกร จะเป็นที่รู้จักติดหูคนไทย มากกว่าการเป็นแฟนหนุ่มของอดีตนางงามอย่างแน่นอน