“ลูกหนังผู้ดี” ล่มสลาย แข้งต่างชาติตบเท้ายึด

เอเยนซี - ตลาดซื้อ-ขายยุโรปซัมเมอร์นี้เริ่มคึกคัก หลังมีการโยกย้ายสังกัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวที พรีเมียร์ ลีก ที่มักจะครองแชมป์นักช็อปเมื่อวันปิดทำการมาถึง ซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตามมีสัญญาณที่น่าเป็นห่วงออกมา เพราะแข้ง 29 คนที่ย้ายมามีนักเตะอังกฤษเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ด้วยปัจจัยเรื่องค่าตัวที่สูงเกินจริงและจะส่งผลกระทบต่อผู้เล่นท้องถิ่นที่ไม่มีเวทีให้โชว์ฝีเท้าจนลามไปถึงผลงานระดับทีมชาติ

เพียงแค่รายชื่อดังต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซนอล บรรลุข้อตกลงเตรียมคว้า กอนซาโล ฮิกัวอิน (กองหน้า / รีล มาดริด) ขณะที่ หลุยส์ อัลเบอร์โต (กองหน้า / เซบีญา) และ หลุยส์ อาสปาส (กองหน้า / เซลตา บีโก) ก็โยกมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อจาก เฆซุส นาบาส (ปีก / เซบีญา) และ เฟอร์นานดินโญ (แนวรุก / ชัคเตอร์ โดเนตส์ค) ชูเสื้อ แมนเชสเตอร์ ซิตี ไปแล้ว ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าหายนะกำลังจะกลืนกินฟุตบอลอังกฤษจนสูญสิ้น เพราะเกือบร้อยละ 90 แข้งเมืองผู้ดีกลายเป็นสินค้าไม่พึงประสงค์ของบรรดาสโมสรระดับหัวแถวของประเทศไปแล้ว

แน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจาก อังเดร ชูร์เล กองหน้าทีมชาติเยอรมันกำลังจะย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน มาชูเสื้อ เชลซี รวมถึง ติอาโก อัลคานทารา กองกลาง บาร์เซโลนา ที่ว่าตกลงสัญญาล่วงหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แล้ว โดยผู้เล่นทั้งหมดมาจาก 18 ชาติที่แตกต่างเช่น บัลแกเรีย อเล็กซานดาร์ โทเนฟ ปีกจาก เลช พอซนัน มาอยู่กับ แอสตัน วิลลา และ เฟอร์นานโด อมอร์บิเอตา กองหลัง เวเนซุเอลา จาก แอธเลติก บิลเบา มาอยู่กับ ฟูแลม

ส่วนแข้งอังกฤษมีแค่ 3 รายเท่านั้นที่ฮือฮาสุดเห็นจะเป็น แอนดี คาร์โรลล์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษผละ ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด แบบถาวรด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 735 ล้านบาท) อีก 2 คนถือว่าประหลาดใจมาก เพราะเป็นแข้งทีนเอจจากนอกลีก ซันเดอร์แลนด์ คว้า ดันแคน วัตมอร์ จาก อัลทรินแชม และ “ขุนค้อน” ที่มี แซม อัลลาไดซ์ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 กุนซือชาวอังกฤษที่คุมทัพ พรีเมียร์ ลีก คว้า แดนนี ไวท์เฮด จาก สตอกปอร์ต

แมนเชสเตอร์ ซิตี ยอมจ่ายเงิน 45 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,200 ล้านบาท) แลก นาบาส กับ เฟอร์นานดินโญ ทั้งที่ถิ่น เอติฮัด สเตเดียม ก็อัดแน่นไปด้วยสตาร์ตัวรุกล้นทีมและมีแนวโน้มว่าจะไม่หยุดหว่านเม็ดเงินแค่นี้ ซึ่งก็สร้างความหนักใจให้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ และ รอย ฮอดจ์สัน นายใหญ่ทีมชาติ ที่ตอนนี้ในลีกมีนักเตะเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นที่สามารถเลือกมาช่วย “สิงโตคำราม” ขณะที่ เยอรมนี มีถึงร้อยละ 50 จากเวที บุนเดสลีกา

ขณะที่ พอล แลมเบิร์ต กุนซือ วิลลา มีนโยบายซื้อนักเตะจาก ดิวิชัน ที่ต่ำกว่าเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วก่อนรอดตกชั้นแบบหวุดหวิดอันดับ 15 เหนือโซนแดง 5 แต้ม ตอนนี้เลยเปลี่ยนรสนิยมกระโดดเข้าสู่ตลาดต่างประเทศแบบเต็มตัวเสริมแข้งแล้ว 5 ราย แบ่งเป็น สแปนิช, ดัตช์, บัลแกเรียน และ เดนส์ 2 ราย

เรื่องนี้ มาร์ค คาร์ทไรท์ ผู้อำนวยการด้านเทคนิคที่ สโต๊ก ซิตี มองว่าปัจจัยด้านธุรกิจทำให้ต้องมองแข้งจากต่างแดน “แต่ละสโมสรจะต้องยอมจ่ายราว 6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 294 ล้านบาท) เพื่อแลกกับผู้เล่นจากระดับ แชมเปียนชิป แต่คุณสามารถได้นักเตะดีกรีทีมชาติจากต่างแดนในราคาใกล้เคียงกัน ทุกคนย่อมต้องมองหาการทำธุรกิจที่คุ้มที่สุดและเห็นได้ชัดว่า 9 จาก 10 หาได้จากต่างแดน โชคร้ายที่วิถีนี้ทำให้ทิศทางของฟุตบอลที่ควรจะเป็นหายไป เราอยากได้แข้งท้องถิ่นอยู่ในทีมอยู่แล้ว แต่ พรีเมียร์ ลีก กลายเป็นธุรกิจและคุณย่อมต้องใช้ชีวิตกับสิ่งนี้”

ส่วน เกล็น ฮอดเดิล อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ เคยออกมาเตือนเรื่องนี้ว่า “เราต้องหาวิธีทางแก้ไขปัญหาผู้เล่นต่างแดนล้น พรีเมียร์ ลีก เพราะเหนืออื่นใดจะทำให้ฟุตบอลอังกฤษถูกกลืนไปในโลกลูกหนัง” ซึ่งก็ไม่อยากเชื่อว่าเวลาผ่านไป 5 ปีทุกอย่างได้กลายเป็นจริงขึ้นมา ซึ่งล่าสุดแข้งชุดไม่เกิน 21 ปี ก็ตกรอบแรกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2013 ที่ประเทศอิสราเอล แบบน่าขายขี้หน้า เพราะแพ้ 3 นัดรวด จนส่งผลกับ “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่ที่ไม่สามารถหาตัวตายตัวแทนบรรดาแข้งรุ่นพี่ได้ทัน เนื่องจากพัฒนาการหยุดชะงักตั้งแต่ชุดเล็กที่แข้งระดับสโมสรไม่มีพื้นที่ให้อวดฝีเท้า