ลูอิส แฮมิลตัน นักขับ ฟอร์มูลา วัน ของ เมอร์เซเดส จีพี ออกโรงวิจารณ์อดีตต้นสังกัดเก่าอย่าง แม็คลาเรน ว่าเป็นทีมที่ไม่รู้จักพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นซึ่งเป็นผลสำคัญที่ทำให้ตนคว้าแชมป์โลกได้เพียงสมัยเดียวในช่วงที่กำลังท็อปฟอร์มสุดขีดในอาชีพ
นักขับเลือดร้อนวัย 28 ปี คว้าตำแหน่งแชมป์โลกประเภทนักขับมาครองเมื่อปี 2008 กับ แม็คลาเรน ทว่าหลังจากนั้นกลับไม่เคยขึ้นไปสัมผัสความสำเร็จเช่นนั้นอีกเลย จนกระทั่งล่าสุดย้ายมาเป็นนักขับของ เมอร์เซเดส จีพี แทน มิชาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์โลก 7 สมัยที่รีไทร์ออกไป
อย่างไรก็ตาม แฮมิลตัน ออกมาเผยกับ ซันเดย์ ไทมส์ ว่าหาก แม็คลาเรน รู้จักพัฒนาทีมสู้กับคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง ป่านนี้ตนคงได้แชมป์โลกสมัยที่ 2 ไปครองนานแล้ว โดยระบุว่า "ปีแรกได้แค่เกือบ แต่ปีที่สองผมก็คว้าแชมป์ได้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีรถดีๆให้ขับอีกเลย"
แฮมิลตัน ร่ายต่อ "รถที่ผมใช้ในตอนนั้นแตกต่างกันที่ขนาด ไม่ได้มีอะไรที่ดีขึ้นจากเดิม บอกได้ว่ามันเสียเวลาจริงๆทั้งที่ผมกำลังท็อปฟอร์ม 5 ปีหลังจากที่ผมได้แชมป์โลก ความเร็วก็ตกลงมาเรื่อยๆจนโดนคู่แข่งแซงหน้า ไม่เช่นนั้นผมคงได้แชมป์แบบปีเว้นปีหรือทุกปีไปนานแล้ว"
"มีนักขับหลายคนที่ไม่เคยเป็นแชมป์โลก บอกได้ว่ารู้สึกดีจริงๆที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้น แต่ได้เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในฐานะแชมป์โลก อย่างไรก็ตาม คนที่ได้แชมป์มากกว่า 2-4 ครั้ง มันก็พิเศษกว่าคนอื่นเสมอ" นักซิ่งเลือดผู้ดี ทิ้งท้าย
สำหรับ แม็คลาเรน เวลานี้กลายเป็นทีมดังเพียงทีมเดียวที่ไม่เคยได้ขึ้นโพเดียมเลยแม้แต่รายการเดียว หลังผ่านมาแล้ว 7 เรซในปีนี้ ขณะที่นักขับอย่าง เจนสัน บัตตัน และ เซร์จิโอ เปเรซ ผลงานย่ำแย่เกาะอยู่ที่ 10 และ 13 บนตารางชิงแชมป์โลก ห่างไกลจากผู้นำอย่าง เซบาสเตียน เวทเทล ของเรดบูลล์ 107 แต้ม