เอเยนซี - ในขณะที่ซีรีส์รอบชิงแชมป์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) กำลังเบียดกันสนุก “บิ๊กทรี” ของทั้งสองฝ่ายผลัดกันเล่นได้ดี ทั้งนี้ “บีชเชอร์ รีพอร์ต” (bleacherreport) สื่อแดนมะกันมองว่าผู้เล่นประเภท “สำรองทีเด็ด” หรือซูเปอร์ซับ สามารถเป็นปัจจัยเสริมช่วยให้ ไมอามี ฮีต หรือ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ขึ้นไปเถลิง “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” ในบั้นปลาย
โดยทางฝั่ง “แชมป์เก่า” ฮีต ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ ซีรีส์ “วันแมนโชว์” ของ เลอบรอน เจมส์ ในเมื่อเจอ คาไว เลียวนาร์ด ตามเป็นเงา ในขณะที่ ดีเวย์น เหว็ด ยังขุนฟอร์มเก่งไม่ขึ้น คริส บอช ต้องชนวงในกับ ทิม ดันแคน ดูเหมือน เอริค สโปเอลสตรา หัวโค้ชเชื้อสายฟิลิปปินส์ ต้องผลักดัน “สำรอง” ขึ้นมาเสริมงานซูเปอร์สตาร์ ดังนี้
คริส แอนเดอร์เซน (พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด)
ครึ่งปีแรกช่วงเรคกูลา ซีซัน ยังอยู่ในสถานภาพตกงานอยู่เลย ทว่า “เบิร์ดแมน” ได้สัญญา 10 วันกับ ฮีต ซึ่งฟอร์เวิร์ดเจ้าของทรงผม “หัวไก่” ไม่ทำให้ทีมผิดหวัง นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา แอนเดอร์เซน อาศัยร่างกายที่สูงใหญ่ 6 ฟุต 10 นิ้ว หรือประมาณ 2.08 เมตร ช่วยในส่วนของเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม จึงได้สัญญาจนจบฤดุกาล แถมเพลย์ออฟชู้ตฟิลด์โกลลง 16 จาก 18 ครั้ง เพิ่งจะมาพลาดสองหนในเกมแรกรอบชิง แม้ภารกิจของผู้เล่นวัย 34 ปี คือเน้นเกมรับช่วย บอช บี้ทาง ทิม ดันแคน แต่หากต้นสังกัดต้องการเกมรุก “เบิร์ดแมน” พร้อมบินขึ้นสแลมห่วง และการ “รีบาวนด์” ทั้งเกมรุก-รับ ก็คือสิ่งที่ ฮีต ต้องการยิ่งจาก แอนเดอร์เซน
เรย์ อัลเลน (ชู้ตติ้ง การ์ด)
ด้วยความแข็งแกร่งของ “คิงเจมส์” ทำให้แผนส่องไกลของ ฮีต ดูได้ผลทีเดียวในโพสต์ซีซัน ความดีความชอบหนึ่งในนั้นต้องให้เครดิต อัลเลน ที่ชู้ตสามแต้มเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความแน่นอนของการ์ดวัย 37 ปี ประสบการณ์เป็นแชมป์กับ บอสตัน เซลติกส์ มาแล้วเมื่อปี 2008 โดยบทบาทกับต้นสังกัดแห่งไมอามี อัลเลน ชู้ตไม่เยอะเหมือนสมัยอยู่บอสตัน แต่การปล่อยบอลแต่ละทีหวังผลได้ตลอด สองเกมแรกฟิลด์โกลพลาดแค่ 3 หนจาก 12 ครั้ง สามแต้มซวบห่วง 6 จาก 9 หน ที่สำคัญอย่าลืมว่า ฟรีโทรล์ของ อัลเลน ก็แม่นดั่งจับวาง สามารถชี้ชัยให้กับทีมได้เลยช่วงท้ายเกม
ส่วนทางฟาก สเปอร์ส เพิ่งเสียสถิติชนะรวดในเพลย์ออฟปีนี้มา 7 เกมติด ซึ่งหลังจากปล่อยลูกชู้ตทีเด็ดท้ายเกม โทนี พาร์เกอร์ เริ่มโดนจับทางได้ ขณะที่ มานู จิโนบิลี เลยจุดพีคไปแล้ว ซีรีส์รอบชิงยังไม่มีทีเด็ดนัก ด้าน ทิม ดันแคน จอมเก๋าวัย 37 ปี เสียแรงไม่น้อยกับการงัดวงใน สำหรับ คาไว เลียวนาร์ด คะแนนเฉลี่ยตกลง เพราะต้องตามใส่กุญแจล็อกตาย เลอบรอน เป็นหลัก งานนี้ เกร็ก โพโพวิช ยอดกุนซือต้องปล่อยของที่มีอยู่จากม้านั่งสำรองเช่นกัน
แกรี นีล (การ์ด)
สวมบท “ซูเปอร์ซับ” คอยเปลี่ยนมาผ่อนแรงให้ พาร์เกอร์ รวมถึงเป็นตัวหลอกสำหรับแผนที่ดีดบอลออกนอกให้ แกรี นีล ได้ส่องไกล นอกเหนือจากที่ดีดมาให้แก่ จิโนบิลี ซึ่งการลงสนามเฉลี่ยเกือบ 22 นาที (จากทั้งหมด 48 นาที) แสดงให้เห็นว่า “โค้ชพ็อพ” ไว้วางใจผู้เล่นวัย 28 ปี แค่ไหน โดยช่วงที่ทั้งสองทีมปล่อยสำรองลงประชันกัน นีล ถือเป็นตัวคุมบอลที่แน่นอนคนหนึ่ง ขณะที่เมื่อต้องลงมาตั้งรับ นีล ยังสามารถช่วยเสริมงาน เลียวนาร์ด ในการดับเบิลทีมใส่ “คิงเจมส์” อีกด้วย
บอริส เดียว (พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด)
ในซีรีส์ที่ไม่เด่นเท่าเกมชิงแชมป์สายตะวันตกกับ เมมฟิส กริซลีย์ส สำหรับ ติอาโก สปลิตเตอร์ ทำให้ บอริส เดียว ซึ่งสูง 6 ฟุต 8 นิ้ว เป็น “จิ๊กซอว์” ที่ โพโพวิช ต้องหยิบมาใช้งานยามที่ทีมต้องการเกมรีบาวนด์เพื่อซ้ำดาบสอง หรือฉกบอลมาครองยามที่ ฮีต ชู้ตบอลพลาด และด้วยหน่วยก้านที่ได้กันกับ “คิงเจมส์” ทำให้ซูเปอร์สตาร์แห่ง NBA ไม่ง่ายเลยกับการฝ่าเข้าไปสแลมห่วงง่ายๆ หากมี เดียว ปลักหลักขวางลำอยู่ นอกจากนี้หัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่ง มันสมองที่ชาญฉลาดของสตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสย่อมรู้ว่าจะพาทีมเอาตัวรอดได้อย่างไรในเกมใต้แป้นที่ลุกเป็นไฟ