เอเยนซี - ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เดินทางมาถึงรอบชิงแชมป์สาย โดยบรรดากูรูคาดการณ์ว่า ไมอามี ฮีต จะได้เข้าป้องกันแชมป์สูง มีโอกาสดวล ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ทว่าสื่อมะกันก็ยังมองหาโอกาสที่ทั้ง อินเดียนา เพเซอร์ส หรือว่า เมมฟิส กริซลีย์ส หักปากกาเซียนทะลุชิงชัย “แลร์รี โอ ไบรอัน โทรฟี” ในฐานะทีมรองบ่อนได้เช่นกัน
กุญแจไขสู่รอบชิงของ “เพเซอร์ส”
1. ป้องกันลูกยิง 3 แต้ม
ฮีต ส่องไกลซวบห่วง 39.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับ 2 ของลีกในฤดูกาลปกติ แต่เมื่อเข้าเพลย์ออฟ ความแม่นยำลดเหลือ 34 เปอร์เซ็นต์ เรย์ อัลเลน มือปืนประจำทีมชู้ต 37.8 เปอร์เซ็นต์ เลอบรอน เจมส์ ยิงจากวงนอกลง 32.1 เปอร์เซ็นต์ งานนี้เห็นที เพเซอร์ส มีลุ้น เนื่องจากพวกเขาปล่อยคู่แข่งยิงสามแต้มลงแค่ 32.7 เปอร์เซ็นต์ (ดีสุดของลีก)
2. “สตีเฟนสัน” สยบ “ดี-เหว็ด”
แลนซ์ สตีเฟนสัน ชู้ตติ้งการ์ดดาวรุ่งเล่นงาน เจ.อาร์.สมิธ ทีเด็ด นิวยอร์ก นิกส์ เสียกระบวนในซีรีส์ก่อน มาคราวนี้ต้องยกระดับความสามารถในการต่อกร ดีเวย์น เหว็ด ที่เก๋าประสบการณ์กว่า อย่างไรก็ดี ด้วยความสด บวกกับการที่ “ดี-เหว็ด” ฟอร์มตกเฉลี่ยแค่ 13.0 แต้ม ต่ำสุดในการเล่นเพลย์ออฟที่ผ่านมา แถมยังมีปัญหาเจ็บเข่ารุมเร้า มีโอกาสได้เห็นซูเปอร์สตาร์ ฮีต ต้องกระเสือกกระสนเอาตัวรอดไม่น้อย
3. ยื้อให้ถึงฎีกา
ผลงาน ฮีต ในโพสต์ซีซันชนะ 8 แพ้ 1 ทว่าเฮดโค้ช เอริค สโปเอลสตรา ต้องคอยสลับใช้งาน คิงเจมส์, ดี-เหว็ด หรือแม้แต่ คริส บอช ตลอด นั่นแสดงให้เห็นกลายๆ ถึงสภาพร่างกายที่ไม่สดยกกล่องเหมือนเดิม การมาเจอ “อินดี” ที่อาศัยลูกสดปราบแชมป์ 2 จากสามเกมที่เจอกันในฤดูกาลปกติ แถมสถิติยามเฝ้าบ้านชนะรวด 6 เกมช่วงเพลย์ออฟ ดังนั้นถ้าลูกทีมของ แฟรงค์ โวเกล ลากยาวไปถึงเกม 7 แม้ต้องแข่งที่ไมอามี แต่ถึงตรงนั้นสภาพร่างกายไม่เป็นรองแล้ว
4. “ฮิบเบิร์ต” ข่ม “บอช”
รอย ฮิบเบิร์ต กำลังพีคเฉลี่ย 18.6 แต้ม 9.3 รีบาวนด์ ใน 10 นัดล่าสุด ถือว่าเข้าทาง เพราะเมื่อใดเซ็นเตอร์ร่าง 7 ฟุต 2 นิ้ว ทำได้อย่างน้อย 16.4 แต้ม 10.0 รีบาวนด์ เพเซอร์ส จะคว้าชัย ยิ่งมาดวล คริส บอช ที่เตี้ยกว่า 3 นิ้ว ด้วยสภาพร่างกายที่สดและแกร่งกว่า ดังนั้นโอกาสข่มห่วงใส่ หรือเรียกฟาวล์จาก “อวตาร” ยิ่งเปิดโอกาสพลิกล็อกแก่เพเซอร์ส
กุญแจสู่ชัยชนะของ กริซลีย์ส
1. ถนอมฟาวล์ “กาซอล-ซีโบ”
มาร์ค กาซอล กับ แซ็ค แรนดอล์ฟ ดูโอวงในกริซลีย์ส ต้องถนอมฟาวล์ให้ตลอดรอดฝั่ง แม้ต้องเผชิญทั้ง ทิม ดันแคน, คาไว เลียวนาร์ด หรือจังหวะทะลุทะลวงเข้ามาของ โทนี พาร์เกอร์ ดังนั้นหากเสียฟาวล์พร่ำเพรื่อมากเท่าไหร่ โอกาสของ “เจ้าหมี” จะลดน้อยลงเท่านั้น
2. หยุด “ดันแคน-เลียวนาร์ด”
แม้ปราชัยไปก่อนเกมแรก แต่สิ่งที่ “กริซซ์” ทำได้ดีคือ ยอมให้ ดันแคน ชู้ตลงแค่ 33.3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตลอดเพลย์ออฟที่ผ่านมา ฟอร์เวิร์ดจอมเก๋าเฉลี่ยกว่า 45 เปอร์เซ็นต์ แต่งานของเมมฟิส คือยังต้องป้องกัน เลียวนาร์ด ให้ได้ด้วย เมื่อสวิงแมนจอมแม่นเพิ่งกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ NBA ที่ทำเฉลี่ยเกิน 13 แต้ม 8 รีบาวนด์ ยิงฟิลด์โกลมากกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ ต่อจาก ชาร์ลส บาร์คลีย์, ดไวท์ ฮาวเวิร์ด, คารีม อับดุล-จับบาร์ และชาคิล โอ นีล
3. มีสกอร์จากวงนอก
สเปอร์ส รู้ว่า “กริซซ์” ต้องเน้นเกมวงใน ดังนั้น ลิโอเนล โฮลลินส์ โค้ชใหญ่เมมฟิส ต้องพลิกโผใช้กองหนุนอย่าง ไมค์ คอนลีย์, โทนี อัลเลน, ควินซี พอนเด็กซ์เตอร์ หรือ เจอร์ริด เบย์เลสส์ ปล่อยทีเด็ดวงนอกด้วย เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทั้ง กาซอลผู้น้อง กับ “ซี-โบ” เล่นได้สะดวกโยธินขึ้น
4. รักษาสถิติไร้พ่ายในบ้าน
กริซลีย์ส เป็นอีกหนึ่งทีมที่สะกดคำว่าแพ้ในบ้านไม่เป็น (ชนะ 5 แพ้ 0) ตลอดรอบเพลย์ออฟ สยบมาแล้วทั้ง แอลเอ คลิปเปอร์ส และ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ แม้ตกเป็นรองในซีรีส์ไปก่อน 0-2 และ 0-1 เกมตามลำดับ หากยังรักษาสถิติอันยอดเยี่ยมต่อหน้ากองเชียร์ไว้ได้ กอปรกับปล้นสเปอร์สสักเกม ประตูสู่รอบชิง NBA ไม่ได้ปิดเสียทีเดียว
