เอเยนซี - หลังจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาลคอร์ตดินแบบเต็มตัวไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อให้บรรดานักเทนนิสได้จับจังหวะการเล่น ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดฉาก แกรนด์ สแลม ลำดับที่ 2 ของปี "เฟรนช์ โอเพน 2013" ที่เริ่มดวลแร็กเก็ตไปแล้วเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ โรลังด์ การ์รอส ประเทศฝรั่งเศส แม้การชิงชัยบนสังเวียนเคลย์คอร์ตอันร้อนระอุปีนี้สื่อทุกสำนักจะฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่าแชมป์คงหนีไม่พ้น ราฟาเอล นาดาล หวดหนุ่มมือ 4 ของโลกชาวสแปนิช และ เซเรนา วิลเลียมส์ จอมแกร่งชาวอเมริกันมือ 1 ของโลกฝ่ายหญิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งให้เกิดการพลิกผันได้ทุกเมื่อชนิดต้องติดตามกันแบบห้ามกระพริบตาตลอด 2 สัปดาห์นับจากนี้
ศึกครั้งที่ 112 ณ โรลังด์ การ์รอส ปีนี้ฝ่ายจัดการแข่งขันเพิ่มจำนวนเงินยั่วใจรวมทั้งฝ่ายชายและหญิงสูงถึง 21 ล้านยูโร (ประมาณ 945 ล้านบาท) แต่ถึงกระนั้นก็ตามยังเป็น แกรนด์ สแลม ที่มีเงินรางวัลต่ำที่สุด สำหรับการชิงชัยประเภทชายเดี่ยวแน่นอนว่าไฮไลท์อยู่ที่การคัมแบ็คของ นาดาล เจ้าพ่อคอร์ตดินที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บหัวเข่า เพราะทันทีที่กลับมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ก็กวาดแชมป์ไปแล้ว 6 รายการจาก 8 ทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่งขัน
ขณะที่สายการแข่งขัน นาดาล ถูกเลื่อนมาเป็นมือ 3 เพราะ แอนดี เมอร์เรย์ จากสหราชอาณาจักร ถอนตัวจากอาการเจ็บหลัง ทำให้ต้องอยู่ร่วมเส้นทางกับ โนวัค ยอโควิช มือ 1 ของโลกชาวเซิร์บ จึงมีความเป็นไปได้ที่ต้องมาห้ำหั่นกันให้รู้ดำรู้แดงในรอบรองชนะเลิศ เพื่อเข้าชิงดำไปลุ้นเจอสายล่างที่มี โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ จอมเก๋าจากสวิตเซอร์แลนด์ประจำการอยู่ ซึ่งหากสิงห์อีซ้ายจากเกาะมายอร์กาผ่านด่านนี้ไปได้ก็น่าจะได้กัดโทรฟี "คุปป์ เดอ มัสเกอแตร์" สมัยที่ 8
แต่ก็มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ นาดาล ตกม้าตายก็เป็นได้ เริ่มจากกรำศึกหนักมาตลอดตั้งแต่เปิดศักราชปี 2013 ซึ่งอาการเจ็บเข่าของ "เอล มาทาดอร์" ก็เคยกำเริบในลักษณะที่ใช้งานหักโหมมาแล้ว จนกลายเป็นคำถามว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องลงหวดทัวร์นาเมนต์ที่กินเวลานานถึง 2 สัปดาห์กับระบบ 3 ใน 5 เซต จะสามารถยืนระยะได้ขนาดไหน ซึ่งก่อนหน้านี้หวดวัย 26 ปีก็ยอมรับเองว่าอาการเจ็บเอ็นหัวเข่าด้านซ้ายยังไม่หายขาด 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ยอโควิช ออกสตาร์ทปีนี้ไม่ดีตกรอบรายการอุ่นเครื่องเป็นส่วนใหญ่ แต่ร่างกายสดกว่ามาก ที่สำคัญหวดเลือดเซิร์บหมายหมั้นปั้นมือต้องการถ้วย แกรนด์ สแลม รายการนี้กลับไปประดับตู้โชว์เป็นสมัยแรกเช่นกัน หลังเข้าชิงเมื่อปีที่แล้วและพ่ายให้คู่ปรับกล้ามโต
อีกตัวแปรสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือม้ามืดร่วมสายเดียวกับ นาดาล ที่สื่อเมืองน้ำหอมต่างจับตาก็คือ เบอนัวต์ แปร์ มือ 26 ของโลกจากฝรั่งเศส หนึ่งในความหวังของแฟนเจ้าถิ่นที่มีสไตล์การเล่นและตีวินเนอร์หนักหน่วง แถมเพิ่งสร้างผลงานเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึก มาสเตอร์ส ที่อิตาลี ตามด้วย สตานิสลาส วาวรินกา จากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ไม่ธรรมดาซิวแชมป์คอร์ตดินที่โปรตุเกส, ทะลุชิงดำที่ มาดริด มาสเตอร์ส จนยกระดับขึ้นมาเป็นมือวางอันดับ 10 ของโลกแล้วเวลานี้ ปิดท้ายด้วย เจอร์ซีย์ ยาโนวิช ดาวรุ่งวัย 22 ปีจากโปแลนด์ ที่เคยคว่ำมือดังระดับท็อป 10 มาแล้วหลายคนทั้ง เมอร์เรย์ รวมถึง โจ วิลเฟรด ซองกา
ส่วนการชิงชัยฝั่งหญิงเดี่ยว สื่อต่างประเทศเทใจให้ เซเรนา เป็นเต็งแชมป์แบบไม่มีข้อกังขา หลังกลับมาอย่างไร้เทียมทานเมื่อปี 2012 โดยอยู่สายบนและเพิ่งประเดิมรอบแรกเอาชนะ แอนนา ทาทิชวิลี จากจอร์เจีย แบบไม่เสียเหงื่อ 2-0 เซต 6-0, 6-1 กวาดสายตาแล้วยากหาใครมาหยุดความร้อนแรงของ วิลเลียมส์ผู้น้อง ที่แม้จะวัย 31 ปีแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น มาเรีย ชาราโปวา สาวสวยมือ 2 ของโลกจากรัสเซีย ที่ผูกปีชนะและเพิ่งปราชัยแบบหมดทางสู้ในศึก มาดริด มาสเตอร์ส ที่สเปน หรือแม้แต่ วิคตอเรีย อซาเรนกา มือ 3 ของโลก ที่ฟอร์มตกลงไปจนถูกแชมป์ แกรนด์ สแลม 15 สมัยเบียดขึ้นมายึดมือ 1 โลกแทน
แต่หากเปิดสถิติดูน่าจะทำให้หวดหญิงรายอื่นใจชื้นขึ้นได้บ้าง เพราะ เฟรนช์ โอเพน คือ แกรนด์ สแลม ที่ เซเรนา ได้มาครองน้อยที่สุดเพียงสมัยเดียวคือปี 2002 จากนั้นก็ไม่เคยได้เข้าสู่รอบชิงดำอีกเลย โดยเฉพาะปีที่แล้วตกรอบแรกไปด้วยน้ำมือของ เวอร์จินี ราซซาโน ของเจ้าถิ่นแบบพลิกความคาดหมาย นอกจากนี้แชมป์หญิงเดี่ยวที่ โรลังด์ การ์รอส ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ก็มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนไม่ได้ผูกขาดอยู่ที่คนใดคนหนึ่งเหมือนฝ่ายชาย ดังนั้นไม่แน่ปีนี้แฟนๆ อาจได้เห็นแชมป์หญิงเดี่ยวหน้าใหม่อีกครั้งก็เป็นได้