เอเยนซี - เวย์น รูนีย์ ลงจากบ็อกซ์วีไอพีที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาฉลองแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 พร้อมเพื่อนร่วมค่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจบเกม พรีเมียร์ ลีก ที่เปิดบ้านเฉือน สวอนซี ซิตี 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2556 อย่างไรก็ตามการไม่มีชื่อทั้งตัวจริงและตัวสำรองในเกมที่มีความสำคัญเช่นนี้เหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าฤดูกาลหน้าหอกทีมชาติอังกฤษอาจไม่สวมยูนิฟอร์ม “ผีแดง” อีกต่อไป ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทันทีที่เสร็จสิ้นแมตช์อำลาตำแหน่งกุนซือต่อหน้าแฟนๆ ก็ออกมาบอกว่านักเตะเอ่ยปากขอย้ายสังกัดจริง
แมนฯยู ยืนยันแล้วว่าไม่ต้องการขาย รูนีย์ อย่างไรก็ตามช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาการต้องถูกเปลี่ยนตัวออกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตกเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง แพ้คาบ้านต่อ รีล มาดริด 1-2 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้หอกวัย 27 ปีเดินเรื่องขอขึ้นบัญชีขาย ซึ่งก็ถือว่าความคับแค้นใจนี้สั่งสมมานานตั้งแต่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี หอกเลือดดัตช์ย้ายเข้ามาเมื่อช่วงซัมเมอร์ ทำให้ตนเองไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกอีกต่อไป ประกอบกับกองกลางมีออปชันให้ใช้งานมากขึ้น ยิ่งการแต่งตั้ง เดวิด มอยส์ มาคุมทัพต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เหมือนเป็นการตอกย้ำการตัดสินใจย้ายทีมครั้งนี้ของแข้งที่ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 2004
เมื่อปี 2010 รูนีย์ เคยทำช็อกแฟนบอล “เรด เดวิลส์” เมื่อเรียกร้องย้ายทีม หลังฤดูกาลก่อนหน้านี้ระเบิดฟอร์มซัด 34 ประตูรวมทุกรายการ โดยอ้างว่าต้นสังกัดไร้ความทะเยอทะยาน แต่ แมนฯยู ก็แสดงความจริงใจด้วยการประเคนค่าเหนื่อยสูงสุดของ พรีเมียร์ ลีก 250,000 ปอนด์ (ประมาณ 11.5 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ พร้อมขยายสัญญาไปจนถึงปี 2015 ซึ่งแน่นอนว่ายังมีสาวกบางส่วนไม่ให้อภัยและติดใจจากเหตุการณ์ที่คิดจะปันใจครั้งนั้น
ซึ่งแน่นอนว่าจุดยืนของ แมนฯยู อาจจะเปลี่ยนแปลงจากนี้ก็เป็นได้ หากมีข้อเสนอราว 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,150 ล้านบาท) เข้ามาช่วงซัมเมอร์นี้เพื่อขอซื้อ รูนีย์ รวมถึงต้องหารือกับ มอยส์ กุนซือใหม่ที่จะเสร็จสิ้นงานกับ เอฟเวอร์ตัน หลังเกมนัดสุดท้ายศึก พรีเมียร์ ลีก วันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ว่าต้องการเก็บหัวหอกหมายเลข 10 เอาไว้ใช้งานต่อไปหรือไม่ เพราะทั้งคู่มีเรื่องระหองระแหงถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลจากการที่นักเตะแฉนายเก่าผ่านหนังสืออัตชีวประวัติเมื่อปี 2006
รูนีย์ มองว่าฤดูกาลหน้าก็ยังต้องเป็นพระรองของ ฟาน เพอร์ซี ดังนั้นคำถามจากนี้คือว่าสถานีต่อไปของอาชีพค้าแข้งนั้นคือที่ใด โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี, เชลซี และ อาร์เซนอล พร้อมอ้าแขนรับตัว ซึ่งดูแล้วความเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะอยู่ที่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียคงไม่ปล่อยให้โอกาสคว้าแข้งที่มีโปรไฟล์ขนาดนี้หลุดมือไป ครั้นจะย้ายไปซบอริร่วมเมืองก็ดูจะเป็นการทำร้ายจิตใจเกินไปเหมือนกรณีของ คาร์ลอส เตเบซ หอกอาร์เจนไตน์ ทว่าครั้งนี้หากเกิดขึ้นอาจจะรุนแรงยิ่งกว่า ส่วน “ปืนโต” นั้นเปอร์เซ็นต์ไม่มาก เพราะว่าแนวทางการทำทีมที่ยากจะก้าวไปประสบความสำเร็จอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและเหมือนเป็นความท้าทายครั้งใหม่ก็คือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กับอภิมหาโปรเจกต์ของกลุ่มทุนกาตาร์ รูนีย์ อาจจะย้ายไปสวมบทกองหน้าตัวเลือกแรกหรือประสานงานกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงสวีดิช ที่ออกมากวักมือเรียกแล้ว เนื่องจากมองว่าจะลงล็อกกับการที่ เดวิด เบ็คแฮม อดีตแข้ง แมนฯยู เตรียมต่อสัญญาเล่นให้กับ เปแอสเช ต่อไปในฤดูกาลหน้า หลังจากชิมลาง 5 เดือนแล้วไปได้สวย ซึ่งก็น่าจะช่วยในเรื่องของการปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ไค ลูกชาย และ คอลีน ภรรยาที่กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2
ส่วนอีก 2 ตัวเลือกที่มีความเป็นได้น้อยที่สุดคือ บาเยิร์น มิวนิก กับตัวเลือกแดนหน้าที่ล้นมืออยู่แล้วรวมถึงกำลังล่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ของ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ และ รีล มาดริด ที่เคยมีแข้งอังกฤษอย่าง เบ็คแฮม, ไมเคิล โอเวน และ โจนาธาน วูดเกต ซึ่งทั้งสองลีก รูนีย์ อาจจะใช้เวลาในการจูนเข้ากับเพื่อนร่วมทีมและวัฒนธรรมใหม่ๆ ค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร
แกรี เนวิลล์ อดีตแบ็กขวารุ่นพี่ที่เคยเล่นทันกันให้กับ แมนฯยู ปัจจุบันเป็นคอมเมนเตเตอร์ของสำนักข่าว “สกาย สปอร์ตส์” และโค้ชทีมชาติอังกฤษ เตือน รูนีย์ คิดทบทวนให้ดี โดยให้เวลาไปพักผ่อนช่วงซัมเมอร์แล้วค่อยตัดสินใจใหม่อีกครั้งหนึ่ง ส่วน ดไวท์ ยอร์ค อดีตกองหน้านิลกาฬยุคทริปเปิลแชมป์ปี 1999 มองว่าหอกที่ซัดรวมทุกรายการให้ แมนฯยู ขาดอีก 3 ประตูจะครบ 200 ลูกเพียงแค่น้อยใจที่ถูกมองว่าไร้ค่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแค่เข้าใจผิด ขอให้หันหน้ามาคุยกัน เพราะเสียดายฝีเท้าที่หากอยู่ในฟอร์มเข้าฝักก็ถือว่าเป็นนักเตะดีที่สุดของอังกฤษยุคนี้
