คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
แฟนๆ มวยสากลสมัครเล่นคงยังจำชื่อ “ซูซิหมิง” ยอดนักวิ่ง - ขออภัย - นักมวยสากลสมัครเล่นรุ่นฟลายเวต เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยจากจีน ที่คว้าเหรียญทองสมัยที่สองไปจากคอของแก้ว พงษ์ประยูร ฮีโร่โอลิมปิกชาวไทย ชนิดคนไทยสะอื้นทั้งประเทศกันได้ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ยอดมวยแดนมังกรก็ก้าวเข้าสู่วงการมวยอาชีพเป็นไฟต์แรกในวัย 32 ปี ภายใต้สังกัดของโปรโมเตอร์ระดับโลกอย่างบ๊อบ อารัม โดยไฟต์นี้อารัมส่องกล้องเลือกคู่ชกจากเม็กซิโกมาให้ซูซิหมิงลองเชิง 4 ยก และก็เอาชนะคะแนนไปเป็นเอกฉันท์ จากนี้ไปเราคงได้ติดตามนักมวยจากประเทศจีนรายนี้ในเวทีระดับโลกกันอีกที
ในส่วนมวยสากลสมัครเล่น ในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการยืนยันเรื่องการเปลี่ยนกฎที่น่าสนใจอยู่หลายข้อ เช่น การยกเลิกการให้สวมเฮดการ์ด (ยกเว้นระดับเยาวชน และมวยสมัครเล่นหญิง ที่ยังให้สวมเฮดการ์ดอยู่) การเปลี่ยนมาใช้ระบบการให้คะแนนเป็นยก ยกละ 10 คะแนน แทนการนับหมัด และการยอมให้นักมวยอาชีพ ที่ขึ้นสังเวียนระดับอาชีพมาไม่เกิน 15 ไฟต์ ยังมีสิทธิ์ชกในรายการมวยสากลสมัครเล่นได้
ในส่วนของการยกเลิกการให้สวมเฮดการ์ดนั้น ก็มีเสียงตอบรับทั้งทางบวกและทางลบ ในฝ่ายที่เห็นด้วยก็คือมวยสมัครเล่นก็จะสนุกขึ้น แฟนมวยได้เห็นการต่อยที่ดุเดือดขึ้น แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็เป็นห่วงด้านความปลอดภัยของนักมวย โดยเฉพาะมวยสมัครเล่นนั้นต้องชกเป็นรอบ แทบจะวันเว้นวัน การยกเลิกการสวมเฮดการ์ดอาจทำให้นักมวยได้รับความกระทบกระเทือนมากก่อนที่จะไปถึงรอบลึกๆ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้าเลยว่า ต่อไปจะต้องมีกรณีที่ไอบ้าห้ามนักมวยที่ชนะในรอบก่อนหน้า ขึ้นชกในรอบต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า เห็นว่านักมวยรายนั้นได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงในรอบก่อนหน้านั้น (ที่ชนะมา) แล้วก็จะถูกปรับตกรอบ คู่ชกในรอบต่อไปก็จะได้ผ่านเข้ารอบไปสบายๆ
ในส่วนการเปลี่ยนระบบการให้คะแนนนั้น ข้อดีก็คือ กรรมการสามารถให้คะแนนกับความหนักหน่วงจะแจ้งได้ ไม่ใช่ว่าหมัดหนักหมัดเบานับ 1 คะแนนหมด มวยบุกก็มีโอกาสได้คะแนนมากขึ้น ไม่ใช่เอาแต่ดักต่อยแบบทุกวันนี้ แต่การเปลี่ยนเป็นให้คะแนนแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้การให้คะแนนมันโปร่งใสขึ้นตรงไหน มวยอาชีพเราก็เห็นการตัดสินที่ค้านสายตาบ่อยๆ
ส่วนการที่ยอมให้นักมวยอาชีพ ที่ขึ้นชกระดับอาชีพมาไม่เกิน 15 ไฟต์ ยังสามารถร่วมชกในรายการมวยสากลสมัครเล่นได้นั้น อันนี้น่าจะเป็นข้อดีสำหรับตัวนักมวย สมมติมีนักมวยระดับสุดยอดที่รอวันคว้าเหรียญทองโอลิมปิกอยู่ นักมวยรายนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอจนจบโอลิมปิกแล้วค่อยขึ้นชกอาชีพ สามารถทำมาหากินชกเก็บเงินได้เลย โดยที่ยังมีโอกาสคว้าเหรียญโอลิมปิกอยู่ แต่สไตล์การชกอาชีพกับสมัครเล่นนั้นก็ต่างกันเยอะ นักมวยที่จะทำได้ดีทั้งสองประเภทนี้ก็คงต้องเทพจริงๆ ก็คงต้องติดตามดูกันต่อว่าการยกเครื่องมวยสากลสมัครเล่นของไอบ้าครั้งนี้ จะเรียกความนิยมกลับมาแทนที่เสียไปกับข้อครหาด้านการตัดสินที่ไม่โปร่งใสได้เพียงใด
แฟนๆ มวยสากลสมัครเล่นคงยังจำชื่อ “ซูซิหมิง” ยอดนักวิ่ง - ขออภัย - นักมวยสากลสมัครเล่นรุ่นฟลายเวต เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยจากจีน ที่คว้าเหรียญทองสมัยที่สองไปจากคอของแก้ว พงษ์ประยูร ฮีโร่โอลิมปิกชาวไทย ชนิดคนไทยสะอื้นทั้งประเทศกันได้ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ยอดมวยแดนมังกรก็ก้าวเข้าสู่วงการมวยอาชีพเป็นไฟต์แรกในวัย 32 ปี ภายใต้สังกัดของโปรโมเตอร์ระดับโลกอย่างบ๊อบ อารัม โดยไฟต์นี้อารัมส่องกล้องเลือกคู่ชกจากเม็กซิโกมาให้ซูซิหมิงลองเชิง 4 ยก และก็เอาชนะคะแนนไปเป็นเอกฉันท์ จากนี้ไปเราคงได้ติดตามนักมวยจากประเทศจีนรายนี้ในเวทีระดับโลกกันอีกที
ในส่วนมวยสากลสมัครเล่น ในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการยืนยันเรื่องการเปลี่ยนกฎที่น่าสนใจอยู่หลายข้อ เช่น การยกเลิกการให้สวมเฮดการ์ด (ยกเว้นระดับเยาวชน และมวยสมัครเล่นหญิง ที่ยังให้สวมเฮดการ์ดอยู่) การเปลี่ยนมาใช้ระบบการให้คะแนนเป็นยก ยกละ 10 คะแนน แทนการนับหมัด และการยอมให้นักมวยอาชีพ ที่ขึ้นสังเวียนระดับอาชีพมาไม่เกิน 15 ไฟต์ ยังมีสิทธิ์ชกในรายการมวยสากลสมัครเล่นได้
ในส่วนของการยกเลิกการให้สวมเฮดการ์ดนั้น ก็มีเสียงตอบรับทั้งทางบวกและทางลบ ในฝ่ายที่เห็นด้วยก็คือมวยสมัครเล่นก็จะสนุกขึ้น แฟนมวยได้เห็นการต่อยที่ดุเดือดขึ้น แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็เป็นห่วงด้านความปลอดภัยของนักมวย โดยเฉพาะมวยสมัครเล่นนั้นต้องชกเป็นรอบ แทบจะวันเว้นวัน การยกเลิกการสวมเฮดการ์ดอาจทำให้นักมวยได้รับความกระทบกระเทือนมากก่อนที่จะไปถึงรอบลึกๆ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้าเลยว่า ต่อไปจะต้องมีกรณีที่ไอบ้าห้ามนักมวยที่ชนะในรอบก่อนหน้า ขึ้นชกในรอบต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า เห็นว่านักมวยรายนั้นได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงในรอบก่อนหน้านั้น (ที่ชนะมา) แล้วก็จะถูกปรับตกรอบ คู่ชกในรอบต่อไปก็จะได้ผ่านเข้ารอบไปสบายๆ
ในส่วนการเปลี่ยนระบบการให้คะแนนนั้น ข้อดีก็คือ กรรมการสามารถให้คะแนนกับความหนักหน่วงจะแจ้งได้ ไม่ใช่ว่าหมัดหนักหมัดเบานับ 1 คะแนนหมด มวยบุกก็มีโอกาสได้คะแนนมากขึ้น ไม่ใช่เอาแต่ดักต่อยแบบทุกวันนี้ แต่การเปลี่ยนเป็นให้คะแนนแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้การให้คะแนนมันโปร่งใสขึ้นตรงไหน มวยอาชีพเราก็เห็นการตัดสินที่ค้านสายตาบ่อยๆ
ส่วนการที่ยอมให้นักมวยอาชีพ ที่ขึ้นชกระดับอาชีพมาไม่เกิน 15 ไฟต์ ยังสามารถร่วมชกในรายการมวยสากลสมัครเล่นได้นั้น อันนี้น่าจะเป็นข้อดีสำหรับตัวนักมวย สมมติมีนักมวยระดับสุดยอดที่รอวันคว้าเหรียญทองโอลิมปิกอยู่ นักมวยรายนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอจนจบโอลิมปิกแล้วค่อยขึ้นชกอาชีพ สามารถทำมาหากินชกเก็บเงินได้เลย โดยที่ยังมีโอกาสคว้าเหรียญโอลิมปิกอยู่ แต่สไตล์การชกอาชีพกับสมัครเล่นนั้นก็ต่างกันเยอะ นักมวยที่จะทำได้ดีทั้งสองประเภทนี้ก็คงต้องเทพจริงๆ ก็คงต้องติดตามดูกันต่อว่าการยกเครื่องมวยสากลสมัครเล่นของไอบ้าครั้งนี้ จะเรียกความนิยมกลับมาแทนที่เสียไปกับข้อครหาด้านการตัดสินที่ไม่โปร่งใสได้เพียงใด
