“เลเกอร์ส-แจซซ์-แมฟส์” ใครดีใครได้ (ตั๋ว)

ASTV ผู้จัดการรายวัน - การแข่งขันบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลปกติ สิ่งที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้นการชิงพื้นที่เพลย์ออฟของแต่ละทีม ซึ่งสถานการณ์ ณ เวลานี้ ใกล้ได้บทสรุปที่แน่นอนแล้ว เหลือแต่เพียงการชิงโควตาสุดท้ายของฝั่งตะวันตก ซึ่งยังคงเปิดกว้างสำหรับ แอลเอ เลเกอร์ส, ยูทาห์ แจซซ์ และ ดัลลัส แมฟเวอริกส์

หากพินิจพิเคราะห์การคั่วเพลย์ออฟทางฝั่ง เวสเทิร์น คอนเฟอเรนซ์ ตำแหน่งจ่าฝูงดูแล้วไม่น่าหลุดจากเงื้อมมือ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ (56-20) ที่กำลังร้อนแรงหลังเก็บชัย 3 เกมรวด ล่าสุดไล่จี้ ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส เหลือเพียงครึ่งเกม ทว่า ทีมของ เกร็ก โพโพวิช ต้องเจอปัญหาพอสมควร เนื่องจากปัญหาบาดเจ็บของ มานู จิโนบิลี และ โทนี พาร์เกอร์ 2 การ์ดคนสำคัญ

ขยับลงมาด้านล่าง แอลเอ เลเกอร์ส ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นเต็งแชมป์ ตั้งแต่ก่อนเปิดซีซัน เริ่มมองเห็นแสงรำไรกับการเข้าสู่รอบเพลยย์ออฟ แต่ยังต้องกระเสือกกระสนพอสมควร เมื่อกุมความได้เปรียบเหนือ แจซซ์ และ แมฟเวอริกส์ อยุ่เพียง ครึ่งเกม และ 3 เกม ตามลำดับ ทีมงาน MGR SPORT จึงขอชำแหละขุมกำลังทั้ง 3 ทีมที่กำลังขับเคี่ยวชิงอันดับ 8 อยู่ ณ เวลานี้

1. แอลเอ เลเกอร์ส (อันดับ 8 : ชนะ 40 แพ้ 36)
สำหรับ เลเกอร์ส คงจะพึ่งใครเสียมิได้ นอกจาก โคบี ไบรอันท์ สมอลล์ฟอร์เวิร์ดจำเป็น ซึ่งต้องกัดฟันฝืนอาการกระดูกงอกเท้าซ้าย แต่ยังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมเช่นเคย สถิติที่น่าสนใจสำหรับ จอมแม่นวัย 34 ปี คือ การทำแอสซิสต์ เฉลี่ยราว 11.3 ครั้งต่อเกมตลอด 3 หลังสุด สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ลูกทีมคนอื่นๆ ของ ไมค์ ดีแอนโทนี อย่าง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด และ เพา กาซอล เริ่มมีบทบาทในการทำสกอร์มากขึ้น แบ่งเบาภาระ สตาร์แห่งถิ่น สเตเปิล เซ็นเตอร์ พอสมควร นอกจากนี้ โจดี มีคส์, แอนทวน จามิสัน, เอิร์ล คลาร์ก และ สตีฟ เบลค กำลังเข้าฝัก รวมทั้งการพิชิต ดัล
ลัส แมฟเวอริกส์ ในวันที่ 3 เม.ย.เป็นการบีบคู่แข่งให้พบสถานการณ์หนักกว่าเดิมเป็นทวีคูณ

โปรแกรม 6 นัดสุดท้าย ผองเพื่อน "ม่วง-ทอง" เจอศึกหนักพอสมควร เมื่อต้องเผชิญหน้ากระดูกอย่าง แอลเอ คลิปเปอร์ส (8 เม.ย.) , ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส (15 เม.ย.) และ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ (18 เม.ย.) ที่อาจเพลี่ยงพล้ำได้ ส่วนเกมกับ นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ (10 เม.ย.) และ ปอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส (11 เม.ย.) น่าจะอยู่ในมือ

2.ยูทาห์ แจซซ์ (อันดับ 9 : ชนะ 40 แพ้ 37)
หากดูตามหน้าเสื่อแล้ว แจซซ์ ไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์ฝีมือร้ายกาจ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทว่า ทายโรน คอร์บิน หัวหน้าโค้ชรุกกี เน้นการเล่นเป็นทีมเวิร์ค แต่ละเกม เราจะเห็นผู้เล่นอย่าง พอล มิลแซ็ปป์, อัล เจฟเฟฟอร์สัน, แรนดี ฟอย หรือ โม วิลเลียมส์ ผลัดกันเป็นผู้แบกทีมเป็นส่วนใหญ่ ส่วนออปชันอื่นๆ ที่พอฝากผีฝากไข้ได้ยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม อดีตรองแชมป์ 2 สมัย ยังคงข่ม เลเกอร์ส อยู่ ด้วยสถิติ “เฮด-ทู-เฮด” เหนือกว่า 2-1 จากการเผชิญหน้ากันในซีซันนี้

ส่วนโปรแกรม 5 เกมสุดท้าย ทีมจากถิ่น เอเนอร์จีโซลูชันส์ อารีนา เจอศึกหนักไม่แพ้กัน เมื่อต้องดวลกับ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส (8 เม.ย.) , โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ (10 เม.ย.) และปิดท้ายด้วย เมมฟิส กริซซ์ลีย์ (18 เม.ย.) ซึ่งมี มาร์ค กาซอล และ “ซี-โบ” แซ็ค แรนดอล์ฟ ค้ำใต้แป้น แต่ความหวังยังไม่หมดเสียทีเดียว เนื่องจากยังมีสมันน้อยอย่าง มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส (13 และ 16 เม.ย.) รอพิสูจน์ฝีมืออยู่แบบไป-กลับ

3. ดัลลัส แมฟเวอริกส์ (อันดับ 10 : ชนะ 37 แพ้ 39)
การปราชัยต่อ เลเกอร์ส ถือเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของ “แมฟส์แมน” อย่างไรก็ตาม เดิร์ก โนวิตซ์กี คงต้องก้มหน้าก้มตานำทีมชนะให้ได้มากที่สุด เพื่อรักษาความหวังรอบเพลย์ออฟ ซึ่งยังเป็นเครื่องหมายคำถามว่า ฟอร์เวิร์ดชาวเยอรมัน จะเค้นฟอร์มเก่งมากน้อยเพียงใด หลังทำเฉลี่ย 17.2 แต้ม จาก 47 เกม ส่วนเพื่อนๆ ที่จะขึ้นมาช่วยงานตอนนี้มีเพียง ชอว์น แมเรียน และ โอ.เจ เมโย เท่านั้น ซึ่งผลงานยังไม่คงเส้นคงวาเท่าที่ควร ขณะที่ วินซ์ คาร์เตอร์ เหลือแต่ชื่อเสียงเก่าๆ เท่านั้น

สำหรับโปรแกรมช่วงท้าย แชมป์ปี 2010 ถือว่างานเบากว่าเพื่อน เนื่องจากต้องรับมือ นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ แบบไป-กลับ (15 และ 18 เม.ย.) รวมทั้งการเปิดบ้านรับ ฟีนิกซ์ ซันส์ (11 เม.ย.) บ๊วยประจำสายตะวันตก ทำให้ เดิร์ก และผองเพื่อน น่าจะมีชัยชนะตุนอยู่แล้ว 3 เกมเป็นอย่างน้อย ด้านเกมกับ ปอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส (8 เม.ย.) และ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ (13 เม.ย.) ดูแล้วยังค่อนข้างก้ำกึ่ง

จากสถานการณ์ดังกล่าวคงต้องยอมรับว่า ความหวังของ แมฟเวอริกส์ ดูจะริบหรี่สุด เพราะนอกจากจะต้องชนะเกมที่เหลือแล้ว ยังต้องแช่งคู่แข่งให้แพ้ติดๆ กันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์อย่างละเอียด ตัวเต็งที่จะซิวตั๋วใบสุดท้ายสู่เพลย์ออฟ น่าจะเป็น เลเกอร์ส ที่จะเบียด แจซซ์ พ้นทางได้มากที่สุด เนื่องจากผู้เล่นแต่ละคนมีประสบการณ์สูงในการรับมือความกดดัน และเคยผ่านระดับรอบชิงชนะเลิศมาแล้ว