บิ๊กแมตช์ของศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนยุโรป วันอังคารที่ 26 มีนาคมนี้ ไปกันที่กลุ่ม ไอ ฝรั่งเศส จ่าฝูงที่นำอยู่ 2 แต้มจาก 4 นัดจะเปิด สต๊าด เดอ ฟรองซ์ รับมือ สเปน โดยมีแชมป์สายเป็นเดิมพัน ทำให้ก่อนเกม “โกลดอทคอม” จึงทำการวิเคราะห์ 5 ปัจจัยที่จะตัดสินโฉมหน้าผลการแข่งขันของเกมนี้
ตั้งรับอย่าง “มิลาน-มาดริด”
บิเซนเต เดล บอสเก กุนซือสเปน ใช้สไตล์การเล่นที่เรียกว่า “ติกี้-ตาก้า” (ระบบ 4-6-0 ไร้กองหน้า) ของ บาร์เซโลนา คือกลุยทธ์ที่สเปนโปรดปราน แต่ เอซี มิลาน และ รีล มาดริด ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเคยต้านทานได้สำเร็จ ดังนั้น ฝรั่งเศส จะต้องพยายามดาหน้ากันกดดันให้สูงจนคู่ต่อสู้เกิดความผิดพลาดเองให้ได้ ถ้าทำได้ก็มีโอกาสที่จะชนะหรือว่าแบ่งแต้ม โดยจะต้องพยายามตัด ชาบี เอร์นานเดซ กองกลางห้องเครื่อง “กระทิงดุ” ออกจากเกมให้มากที่สุดด้วย
ต้องเน้นเซตพีซปลิดชีพ
ฝรั่งเศส จะต้องใช้ความเปรียบเรื่องรูปร่างนักเตะที่สูงใหญ่กว่าของ สเปน เนื่องจากเปอร์เซนต์ครองบอลคงสู้ไม่ได้แม้เล่นที่ สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ก็ตาม ดังนั้นถ้าได้เซตพีซเมื่อไหร่ไม่ว่าฟรีคิกหรือเตะมุมต้องใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ผู้เล่นที่น่าจับตามองของ “ตราไก่” ก็คือ ราฟาเอล วาราน เซนเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่งจากค่าย รีล มาดริด ที่มีประสบการณ์เล่น ลา ลีกา รวมถึงยิงประตู บาร์เซโลนา ในศึก เอล กลาซิโก มาแล้ว
“กระทิง” ต้องรีดศักยภาพ
ถือว่าน่าผิดหวังมากกับเกมที่เสมอ ฟินแลนด์ 1-1 เพราะ สเปน ครองบอลบุกมากกว่าโดยตลอด แต่ปล่อยให้คู่ต่อสู้ใช้โอกาสแค่ครั้งเดียวแบ่งแต้มได้สำเร็จ ดังนั้นจะต้องรีดศักยภาพชาติหมายเลข 1 ของโลกออกมาให้ได้ ไม่ใช่ผ่านบอลแบบไร้จุดหมายหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะกองหน้าอย่าง ดาบิด บีญา ที่มักจะสร้างประโยชน์ได้มากกว่ายามฉีกไปอยู่ริมเส้นและทะลุเข้ามา ซึ่งการไม่มี เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็ต้องฝากความหวังไว้กับคนนี้
บัลบูเอนา คีย์แมน “ตราไก่”
มาติเยอ บัลบูเอนา กองกลางห้องเครื่องจาก โอลิมปิก มาร์กเซย์ กลายเป็นคีย์แมนของ ฝรั่งเศส ยุคนี้ในเกมรุก เล่นได้อย่างโดดเด่นแมตช์ชนะ จอร์เจีย 3-1 โดยยิงประตูปิดกล่องนอกจากนี้ยังทำทางให้เพื่อนได้ด้วยแน่นอนว่า ดิดิเยร์ เดส์ชองป์ส เคยคุม “โอแอ็ม” จึงรู้วิธีรีดศักยภาพของนักเตะรายนี้ออกมาได้มากที่สุด ถือเป็นผู้เล่นที่ใช้พื้นที่แคบๆ เอาตัวรอดได้ดี ดังนั้น สเปน ต้องแน่ใจว่าจะไม่ปล่อยให้แข้งรายนี้ได้บอลมากนัก
สู้ด้วยหัวจิตหัวใจ
นัดแรกเจอกันที่ บิเซนเต กัลเดรอน ฝรั่งเศส สามารถบุกไปยันเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ดังนั้นเกมนี้นักเตะ “เลส์ เบลอส์” ทุกคนจะต้องสวมหัวใจสิงห์อีกครั้ง โดยจะต้องเล่นด้วยความอดทนรอจังหวะตัดบอลจาก สเปน เพราะว่า “กระทิงดุ” คงจะดาหน้าบุกแหลก โดยแข้งเก๋าจะต้องงัดประสบการณ์เช่นเดียวกับแข้งดาวรุ่งที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เนื่องจากอีก 3 เกมที่เหลือสามารถตัดสินได้เลยว่าใครจะได้แชมป์กลุ่มเข้ารอบสุดท้ายที่ บราซิล แบบอัตโนมัติ