วินฟรีด เชฟเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวก่อนเกมเยือน เลบานอน ศึกเอเชียน คัพ รอบคัดเลือก 2015 หวังที่จะคุมทัพช้างศึก ต่อไป พร้อมโอดโดนสื่อจ้องเล่นงานในขณะที่เดินทางไปต่างประเทศ
ทีมชาติไทย มีคิวฟาดแข้งศึกเอเชียน คัพ 2015 รอบคัดเลือก นัดสอง กลุ่มบี เยือน เลบานอน วันที่ 22 มีนาคม นี้ ณ สนามสปอร์ต ซิตี เวลา 22.30 น.ตามเวลาประเทศไทย โดย วินฟรีด เชฟอร์ เฮดโค้ชใหญ่ได้โพสข้อความผ่านเฟซบุคส่วนตัวก่อนเกมดังกล่าว ขณะคุมลูกทีมฝึกซ้อมที่กรุงเบรุต ว่าต้องการที่จะคุมทีมต่อไป
“ตอนนี้เราอยู่ที่เบรุต ซึ่งเป็นเมืองที่ดีเมืองหนึ่ง และพวกเราอารมณ์ดีกันมาก แน่นอนว่าเราคิดถึงนักกีฬาที่บาดเจ็บทั้งเจ็ดคนของเรา แต่เราก็ฝึกฝนและซ้อมกันอย่างหนักมากในค่ายที่กาตาร์ และเราก็เล่นกันได้ดีที่นั่น การแข่งขันครั้งนั้นเป็นการแข่งขันที่อนาคตไกล ต้องอย่าลืมว่าทีมนี้ยังไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน ทุกๆ คนในทีมตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติ และทุกคนอยากจะแสดงฝีมือให้ดีที่สุดเพื่อประเทศไทย นี่คือบรรยากาศและความรู้สึกที่คุณควรจะมีในการเตรียมตัวเพื่อแข่งขันในเกมที่สำคัญแบบนี้”
“เลบานอนเองก็แข็งแกร่งมาก มีคุณสมบัติระดับเวิล์ดคัพ แต่เราก็มาในทิศทางที่ดีและผมก็มีความมั่นใจ เรายังคงพยายามกันอย่างมากเพื่อจะเอาชาริล ชัปปุยส์ เข้ามาในทีม เขาเป็นคนดีมากๆ และจะต้องกลายเป็นส่วนที่สำคัญของทีมอย่างแน่นอน เราคุยกับฟีฟ่าทุกวันว่าเรื่องก้าวหน้าไปถึงไหนอย่างไรบ้าง และฟีฟ่าก็สัญญาว่าจะสนับสนุนเรา แต่เราทุกคนก็รู้กันดีว่าเรื่องของกฎหมายไม่ได้แค่มีกฎเกณฑ์ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีจังหวะเวลาของตัวเองด้วย เคยมีนักกีฬาจากไนจีเรียซึ่งมีทั้งพาสปอร์ตไนจีเรียและพาสปอร์ตอังกฤษ และต้องรอถึงเจ็ดเดือนกว่าจะมีการตัดสินใจอะไรแน่นอน เพราะฉะนั้นเราคงลุ้นกันว่าคราวนี้ฟีฟ่าจะไม่ทำงานช้าเกินไป”
“อีกอย่างหนึ่ง ผมรู้สึกว่าสื่อเขียนถึงผมเวลาผมไม่อยู่เมืองไทยมากกว่าตอนที่ผมอยู่ ผมรู้สึกถึงเรื่องนี้ช่วงเดือนมกราคม หลังจากการแข่งขันชิงถ้วยซูซูกิ ตอนนั้นผมอยู่เยอรมนีแล้วอยู่ดีๆ สื่อก็เขียนถึงอะไรแย่ๆ มากมายเกี่ยวกับผมและทีมของผม และตอนนี้ก็เป็นอีกแล้ว ผมไม่อยู่เมืองไทย แต่ทุกๆ วันจะมีใครสักคนโทรหาผมหรือเขียนถึงผมว่ามีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับผมลงในสื่ออีกแล้ว บางทีก็เป็นเรื่องที่สับสนและไร้สาระเกินกว่าที่จะตอบกลับไปโดยไม่รู้สึกเสียเวลาได้ พฤติกรรมแบบนี้ทำให้ผมทั้งเจ็บปวดและหงุดหงิด แต่มันก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย และมันก็ทำให้ผมเปลี่ยนใจไม่ได้”
“ผมอยากเป็นผู้ฝึกซ้อมทีมชาติของประเทศไทย เพราะผมรักประเทศนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมซึ้งใจกับการสนับสนุนของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมชอบทำงานกับทีมนี้ และผมก็มั่นใจมากๆ ว่าเราสามารถพัฒนาไปถึงระดับที่จะทำให้ทั้งเอเชียและทั้งโลกทึ่งกับเราได้ด้วยฟุตบอลไทยที่งดงาม น่าตื่นเต้น และประสบความสำเร็จ ก็เท่านั้นเอง”