คอลัมน์ “The Golf Touch” โดย “วันปีย์ สัจจมาร์ค”
ผมมีน้องรักอยู่สองคนซึ่งได้ช่วยงานผมอย่างแข็งขันในช่วง4-5ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่จบจุฬามาหมาดๆ จนเป็นโปร ถึงแม้ว่าปัจจุบันทั้งคู่ได้ลาไปไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแต่ก็เคยคุยกันไว้ว่าอาจจะหาโอกาสเขียนเรื่องที่น่าสนใจส่งกลับมาบ้าง วันนี้ขอนำข้อความของโปรเท่ห์ (อรินทพล นุชเสถียร) ขณะศึกษาปริญญาโทอยู่ที่อังกฤษมาแบ่งปันกันนะครับ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้ไปงานกอล์ฟงานหนึ่งซึ่งหลังจบงานมีคนเข้ามาปรึกษาปัญหาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องกอล์ฟมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับวงสวิง สนทนาเรื่องข่าวคราวในวงการ และรวมไปถึงความรู้ต่างๆที่เกี่ยวกับกอล์ฟ แต่มีอยู่ท่านหนึ่งที่พูดคุยกับผมอยู่นานพอสมควรโดยที่เขาเริ่มต้นบทสนทนาว่า "เขาเป็นคนที่เกลียดกีฬากอล์ฟมาก”
บทสนทนานี้เริ่มต้นขึ้นมาด้วยประโยคดังกล่าวโดยทำให้คนรักกอล์ฟอย่างผมถึงกับต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ เขาแนะนำตัวเองว่าเขามีอาชีพเป็นพ่อครัวและอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และย้ำให้ฟังอีกครั้งว่าเขาเคยเป็นคนที่เกลียดกีฬากอล์ฟเป็นอย่างมาก โดยให้เหตุผลต่างๆ นานาหลากหลายปัจจัยออกไป แต่หลักๆ ก็หนีไม่พ้น "กอล์ฟเป็นกีฬาคนรวย" ซึ่งตรงจุดนี้ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยมากนัก แต่ก็เข้าใจดีว่ากีฬาของเราเป็นกีฬาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าอุปกรณ์, ค่าซ้อม, ค่าเล่น และบางครั้งก็รวมไปถึงค่าความรู้อีก ยิ่งในบ้านเราต่อให้มีทุกอย่างครบ ถึงเวลาอยากจะตีกอล์ฟแต่ไม่มีรถ ครั้นจะแบกถุงกอล์ฟขึ้นรถเมล์หรือรถไฟฟ้าไปตีกอล์ฟ กลับถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากผู้โดยสารคนอื่นอีก กลับกันที่ประเทศอังกฤษคนทุกระดับชนชั้นสามารถเข้าถึงกีฬากอล์ฟได้อย่างเท่าเทียม เพราะค่าใช้จ่ายในการออกรอบไม่ได้แพงเท่าบ้านเรา การแบกถุงกอล์ฟใส่รองเท้ากอล์ฟเดินบนไฮสตรีทเพื่อที่จะไปขึ้นรถเมล์ หรือรถไฟฟ้าใต้ดินไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟเป็นเรื่องปกติมาก และนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ที่เขาเปลี่ยนใจหันมาลองจับไม้กอล์ฟ โดยถึงตอนนี้เขาเพิ่งเริ่มเล่นมาได้ 4 เดือนแล้ว โดยฝึกเองและได้รับคำแนะนำเรื่องวงสวิงจากเพื่อนฝูงบ้าง สิ่งที่เขาทำเป็นประจำทุกวันคือตื่นเช้าขึ้นมาวิ่ง กลับมาซ้อมชิพลงตะกร้าที่สนามหญ้าหลังบ้าน กินข้าว อาบน้ำ ตอนบ่ายเข้าสนามไดร์ฟซ้อม 100 ลูก ตกเย็นก็เข้าทำงานที่ร้านอาหาร ดูแล้วถือว่าเขาเอาจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและมีวินัยเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่เพิ่งจะหันมารักกีฬากอล์ฟได้ไม่นาน แต่ผมกลับสะดุดและอยากรับฟังเขามากขึ้นไปอีกหลังจากได้ยินเขาพูดว่า "ผมอยากเป็นโปรครับ” เขาอธิบายต่อว่าในประเทศอังกฤษ ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงกอล์ฟได้ และก็มีเด็กๆ และคนอีกจำนวนมากที่ต้องการจะเริ่มเล่นแต่ยังขาดครู เขาอยากหาความรู้ด้านนี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ศึกษาจากวีดีโอการสอนต่างๆ ที่มีในยูทูป พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับบรรดาโปรที่แวะเวียนผ่านมา และรวมไปถึงการตั้งใจฝึกซ้อม มีวินัยในตนเองเพื่อจะสอบโปรให้ผ่าน จะได้เป็นแบบอย่างและให้ความรู้กับคนที่อยากเริ่มเล่นกอล์ฟเหมือนกันต่อไป
จากตอนแรกที่ให้ความสนใจกับเขาเป็นพิเศษเพราะเขาไม่เห็นด้วยกับกีฬาที่เรารัก แต่ตอนหลังกลับทึ่งกว่าเมื่อเห็นเขาหลงรักกอล์ฟมากมายอย่างหัวปักหัวปำ แถมยังนึกต่อยอดแพร่ความรักที่มีต่อกอล์ฟสู่คนอื่นๆ ในต่างแดนอีก งานนี้ผมสนับสนุนเขาเต็มที่ครับ
ผมมีน้องรักอยู่สองคนซึ่งได้ช่วยงานผมอย่างแข็งขันในช่วง4-5ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่จบจุฬามาหมาดๆ จนเป็นโปร ถึงแม้ว่าปัจจุบันทั้งคู่ได้ลาไปไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแต่ก็เคยคุยกันไว้ว่าอาจจะหาโอกาสเขียนเรื่องที่น่าสนใจส่งกลับมาบ้าง วันนี้ขอนำข้อความของโปรเท่ห์ (อรินทพล นุชเสถียร) ขณะศึกษาปริญญาโทอยู่ที่อังกฤษมาแบ่งปันกันนะครับ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้ไปงานกอล์ฟงานหนึ่งซึ่งหลังจบงานมีคนเข้ามาปรึกษาปัญหาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องกอล์ฟมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับวงสวิง สนทนาเรื่องข่าวคราวในวงการ และรวมไปถึงความรู้ต่างๆที่เกี่ยวกับกอล์ฟ แต่มีอยู่ท่านหนึ่งที่พูดคุยกับผมอยู่นานพอสมควรโดยที่เขาเริ่มต้นบทสนทนาว่า "เขาเป็นคนที่เกลียดกีฬากอล์ฟมาก”
บทสนทนานี้เริ่มต้นขึ้นมาด้วยประโยคดังกล่าวโดยทำให้คนรักกอล์ฟอย่างผมถึงกับต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ เขาแนะนำตัวเองว่าเขามีอาชีพเป็นพ่อครัวและอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และย้ำให้ฟังอีกครั้งว่าเขาเคยเป็นคนที่เกลียดกีฬากอล์ฟเป็นอย่างมาก โดยให้เหตุผลต่างๆ นานาหลากหลายปัจจัยออกไป แต่หลักๆ ก็หนีไม่พ้น "กอล์ฟเป็นกีฬาคนรวย" ซึ่งตรงจุดนี้ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยมากนัก แต่ก็เข้าใจดีว่ากีฬาของเราเป็นกีฬาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าอุปกรณ์, ค่าซ้อม, ค่าเล่น และบางครั้งก็รวมไปถึงค่าความรู้อีก ยิ่งในบ้านเราต่อให้มีทุกอย่างครบ ถึงเวลาอยากจะตีกอล์ฟแต่ไม่มีรถ ครั้นจะแบกถุงกอล์ฟขึ้นรถเมล์หรือรถไฟฟ้าไปตีกอล์ฟ กลับถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากผู้โดยสารคนอื่นอีก กลับกันที่ประเทศอังกฤษคนทุกระดับชนชั้นสามารถเข้าถึงกีฬากอล์ฟได้อย่างเท่าเทียม เพราะค่าใช้จ่ายในการออกรอบไม่ได้แพงเท่าบ้านเรา การแบกถุงกอล์ฟใส่รองเท้ากอล์ฟเดินบนไฮสตรีทเพื่อที่จะไปขึ้นรถเมล์ หรือรถไฟฟ้าใต้ดินไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟเป็นเรื่องปกติมาก และนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ที่เขาเปลี่ยนใจหันมาลองจับไม้กอล์ฟ โดยถึงตอนนี้เขาเพิ่งเริ่มเล่นมาได้ 4 เดือนแล้ว โดยฝึกเองและได้รับคำแนะนำเรื่องวงสวิงจากเพื่อนฝูงบ้าง สิ่งที่เขาทำเป็นประจำทุกวันคือตื่นเช้าขึ้นมาวิ่ง กลับมาซ้อมชิพลงตะกร้าที่สนามหญ้าหลังบ้าน กินข้าว อาบน้ำ ตอนบ่ายเข้าสนามไดร์ฟซ้อม 100 ลูก ตกเย็นก็เข้าทำงานที่ร้านอาหาร ดูแล้วถือว่าเขาเอาจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและมีวินัยเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่เพิ่งจะหันมารักกีฬากอล์ฟได้ไม่นาน แต่ผมกลับสะดุดและอยากรับฟังเขามากขึ้นไปอีกหลังจากได้ยินเขาพูดว่า "ผมอยากเป็นโปรครับ” เขาอธิบายต่อว่าในประเทศอังกฤษ ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงกอล์ฟได้ และก็มีเด็กๆ และคนอีกจำนวนมากที่ต้องการจะเริ่มเล่นแต่ยังขาดครู เขาอยากหาความรู้ด้านนี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ศึกษาจากวีดีโอการสอนต่างๆ ที่มีในยูทูป พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับบรรดาโปรที่แวะเวียนผ่านมา และรวมไปถึงการตั้งใจฝึกซ้อม มีวินัยในตนเองเพื่อจะสอบโปรให้ผ่าน จะได้เป็นแบบอย่างและให้ความรู้กับคนที่อยากเริ่มเล่นกอล์ฟเหมือนกันต่อไป
จากตอนแรกที่ให้ความสนใจกับเขาเป็นพิเศษเพราะเขาไม่เห็นด้วยกับกีฬาที่เรารัก แต่ตอนหลังกลับทึ่งกว่าเมื่อเห็นเขาหลงรักกอล์ฟมากมายอย่างหัวปักหัวปำ แถมยังนึกต่อยอดแพร่ความรักที่มีต่อกอล์ฟสู่คนอื่นๆ ในต่างแดนอีก งานนี้ผมสนับสนุนเขาเต็มที่ครับ