เอ็น.ซี.ฯ เผย 3 กลยุทธ์หลักผลักดันยอดขายปี 56 สร้างความแตกต่างผ่านแบรนด์โปรเจกต์-ดึงความชำนาญโครงการแนวราบเร่งสร้างการเติบโต-เน้นสร้างนวัตกรรมด้านบริการดึงลูกค้า แจงปี 56 ผุด 5 โครงการ แนวราบ 3 โครงการ แนวสูง 2 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปี 3,200 ล้านบาท
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH กล่าวว่า ในปี2556 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมทั้งปี 3,200 ล้านบาท และเพื่อผลักดันให้ยอดขายที่อยู่อาศัยของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เอ็น.ซีฯ ได้กำหนดแผนและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใน 3 ด้านคือ 1.กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง Focus Differentiation ซึ่งเน้นการสร้างความโดดเด่นผ่านแบรนด์ Project ทั้งด้านดีไซน์ ผลิตภัณฑ์ และไลฟสไตล์ของการอยู่อาศัยในโครงการที่บริษัทพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการต่างๆ ของบริษัท
โดย เอ็น.ซี.ฯ มีการแบ่งเซกเมนต์การทำตลาดที่ชัดเจนภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท ประกอบด้วย แบรนด์บ้านฟ้า ซึ่งมีระดับราคาต่ำกว้า 5 ล้านบาท เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง แบรนด์ NC Royal ระดับราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท เน้นจับลูกค้าระดับกลาง-บน แบรนด์ NC on Green จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ราคาเริ่มต้น 8 ล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ และแบรนด์ที่อยู่อาศัยในกลุ่มคอนโดมิเนียมซึ่งจะตั้งชื่อต่างกันออกไปในแต่ละทำเล และกลุ่มลูกค้าของโครงการที่จะพัฒนาขึ้น
ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 คือ การนำความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการแนวราบมาใช้สร้างการเติบโต โดยในปีนี้มีแผนเตรียมความพร้อมที่จะเปิดโครงการใหม่ทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์บ้านฟ้า 3-4 โครงการ เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าในโซนเหนือของ กทม. ซึ่งถือเป็นโซนที่บริษัทมีความชำนาญในพื้นที่อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ในปีนี้สัดส่วนบ้านแนวราบของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 70% และ 3 กลยุทธ์ด้านบริการผ่านการสร้างแบรนด์ทีมที่บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมด้านการบริการขึ้นใหม่เพื่อตอบสนองความต้อการของลูกค้าให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 5 โครงการ ซึ่งขณะนี้ได้ซื้อที่ดินเข้ามารอการพัฒนาโครงการใหม่แล้ว 2-3 แปลง และกำลังอยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินมาพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มอีก 2-3 แปลง ทั้งนี้ ในเบื้องต้นโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะมีมูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบ้านแนวราบ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ โดยคอนโดมิเนียมดังกล่าวจะพัฒนาที่พัทยา บนที่ดินสะสมเดิมของบริษัทที่มีอยู่แล้ว