ASTVผู้จัดการรายวัน - เบียร์สิงห์เตรียมงบอีก 700 ล้านบาท เดินหน้าหวังต่อสัญญาเป็นพันธมิตรกับทีมเชลซีและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกครั้งนาน 3 ปี หลังสัญญาเดิมจะหมดเร็วๆนี้ ยืนยันปีหน้านำสองทีมดังเข้ามาแข่งโชวในใทยแน่นอน ด้วยงบกว่า 200 ล้านบาท
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการ ตลาด บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและ จำหน่ายเครื่องดื่มผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดของกลุ่มเบียร์สิงห์ในปี 2556 บริษัทฯ จะยังคงเน้นไปที่ 2 กลยุทธ์หลักคือ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งกับมิวสิกมาร์เก็ตติ้ง เพื่อการ สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักกันในตลาดโลกมากขึ้น
ล่าสุดในส่วนของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งนั้น บริษัทฯเตรียมงบไว้ประมาณ รวม 900 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นงบ 700 ล้านบาท บริษัทฯเตรียมตัวที่จะ ทำการต่อสัญญาการเป็นพันธมิตรกับทางสโมสรฟุตบอล 2 ทีมฟุตบอลระดับโลก คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเชลซี ของอังกฤษ ด้วยสัญญา ที่จะต่อใหม่อีก 3 ปี หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาเป็น พันธมิตรไปแล้วครั้งแรกเมื่อปี 2553 สัญญานาน 3 ปี
ซึ่งใกล้จะครบสัญญาแล้ว
ทั้งนี้เพื่อได้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิงห์ในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดของแมนเชสเตอร์ยูไนเจ็ด และในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ของทีมเชลซี รวมทั้งมีป้ายโฆษณาผลิตภัณฑ์สิงห์ ติดข้างสนามใน ทุกแมตช์การแข่งขันในอีก 3 ปี
นอกจากนี้บริษัทฯยืนยันว่าในปีหน้าจะมีการนำทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเชลซีมาแข่งขันฟุตบอล นประเทศไทยแน่นอน คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนก.ค. ซึ่งต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเหตุผล ของการนำทั้งสองทีมระดับโลกนี้เข้ามาแข่งขันฟุตบอล
ในไทยนั้นเพื่อตอกย้ำการสร้างแบรนด์สิงห์สู่แบรนด์ระดับโลกรวมทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยด้วย
นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่าปีนี้บริษัทฯประสบความสำเร็จในการทำตลาดอย่างมาก ซึ่งตัวเลขล่าสุดเดือนพฤศจิกายนนี้ ผลิตภัณฑ์เบียร์โดยรวมทุกแบรนด์ของบริษัทฯเช่น สิงห์ ลีโอ มีรวมกันประมาณ 70% และคาดว่าจนถึงสิ้นปี จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 72% จากเดิมวางเป้าหมาย ส่วนแบ่งตลาดทั้งปีไว้ 67% เพิ่มขึ้นมากกว่า ที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก ทำให้ปีหน้าเชื่อว่าทางนายสันติ
ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ จะตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดเบียร์รวมของบริษัทไว้ 75%
ขณะที่ภาพรวมของตลาดเบียร์ในปีนี้มีอัตราเติบโตเพียง 2-3% และคาดว่าในปีหน้าจะเติบโตในระดับ 2% เช่นกัน เพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายที่บังคับเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ตลาดเติบโตน้อยมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดเบียร์โดยรวมปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 2,000 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ทางคู่แข่งสำคัญ คือ ช้าง ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25% และไฮเนเก้น มีส่วนแบ่งตลาดที่ 4%
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการ ตลาด บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและ จำหน่ายเครื่องดื่มผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดของกลุ่มเบียร์สิงห์ในปี 2556 บริษัทฯ จะยังคงเน้นไปที่ 2 กลยุทธ์หลักคือ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งกับมิวสิกมาร์เก็ตติ้ง เพื่อการ สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักกันในตลาดโลกมากขึ้น
ล่าสุดในส่วนของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งนั้น บริษัทฯเตรียมงบไว้ประมาณ รวม 900 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นงบ 700 ล้านบาท บริษัทฯเตรียมตัวที่จะ ทำการต่อสัญญาการเป็นพันธมิตรกับทางสโมสรฟุตบอล 2 ทีมฟุตบอลระดับโลก คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเชลซี ของอังกฤษ ด้วยสัญญา ที่จะต่อใหม่อีก 3 ปี หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาเป็น พันธมิตรไปแล้วครั้งแรกเมื่อปี 2553 สัญญานาน 3 ปี
ซึ่งใกล้จะครบสัญญาแล้ว
ทั้งนี้เพื่อได้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิงห์ในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดของแมนเชสเตอร์ยูไนเจ็ด และในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ของทีมเชลซี รวมทั้งมีป้ายโฆษณาผลิตภัณฑ์สิงห์ ติดข้างสนามใน ทุกแมตช์การแข่งขันในอีก 3 ปี
นอกจากนี้บริษัทฯยืนยันว่าในปีหน้าจะมีการนำทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเชลซีมาแข่งขันฟุตบอล นประเทศไทยแน่นอน คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนก.ค. ซึ่งต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเหตุผล ของการนำทั้งสองทีมระดับโลกนี้เข้ามาแข่งขันฟุตบอล
ในไทยนั้นเพื่อตอกย้ำการสร้างแบรนด์สิงห์สู่แบรนด์ระดับโลกรวมทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยด้วย
นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่าปีนี้บริษัทฯประสบความสำเร็จในการทำตลาดอย่างมาก ซึ่งตัวเลขล่าสุดเดือนพฤศจิกายนนี้ ผลิตภัณฑ์เบียร์โดยรวมทุกแบรนด์ของบริษัทฯเช่น สิงห์ ลีโอ มีรวมกันประมาณ 70% และคาดว่าจนถึงสิ้นปี จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 72% จากเดิมวางเป้าหมาย ส่วนแบ่งตลาดทั้งปีไว้ 67% เพิ่มขึ้นมากกว่า ที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก ทำให้ปีหน้าเชื่อว่าทางนายสันติ
ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ จะตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดเบียร์รวมของบริษัทไว้ 75%
ขณะที่ภาพรวมของตลาดเบียร์ในปีนี้มีอัตราเติบโตเพียง 2-3% และคาดว่าในปีหน้าจะเติบโตในระดับ 2% เช่นกัน เพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายที่บังคับเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ตลาดเติบโตน้อยมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดเบียร์โดยรวมปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 2,000 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ทางคู่แข่งสำคัญ คือ ช้าง ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25% และไฮเนเก้น มีส่วนแบ่งตลาดที่ 4%
