xs
xsm
sm
md
lg

"ไนเนอร์ส" จัดจ้าน ลุ้นหักปีก "เรฟเวนส์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เคเปอร์นิค” เตรียมเปิดตำนาน
ASTVผู้จัดการรายวัน - ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ลุ้นทำสถิติคว้าแชมป์หนที่ 6 ในประวัติศาสตร์เทียบเท่า พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ทั้งยังพกพาสถิติสมบูรณ์แบบเข้าชิงก่อนหน้านี้ทั้ง 5 ครั้ง กวาดชัยเรียบวุธ แต่ทั้งนี้ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ คงไม่ยอมศิโรราบโดยง่าย เนื่องจากก็กำลังเล่นกันด้วยความมั่นใจ

จิม ฮาร์บอห์ หัวหน้าโค้ช "คนตื่นทอง" เปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกให้ โคลิน เคเปอร์นิค ลงเป็นควอเตอร์แบ็กแทน อเล็กซ์ สมิธ ที่มีปัญหากระทบกระเทือนทางสมอง นั่นถือเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่ เมื่อผู้เล่นดราฟท์รอบสองปี 2011 นำทีมชนะ 7 จาก 9 เกมที่ได้สตาร์ทตัวจริง ผลงานขว้างเข้าเป้า 62.7 เปอร์เซ็นต์ 13 ทัชดาวน์ เสียเพียง 4 อินเทอร์เซปต์ แถมวิ่งเองเฉลี่ย 7.3 หลา ดูเหมือน ไนเนอร์ส เจอผู้สืบทายาทตำนาน โจ มอนทานา และสตีฟ ยัง เสียที แม้สไตล์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม โดย เคเปอร์นิค บอมบ์ในฤดูกาลปกติ 1,814 หลา 495 หลาช่วงโพสต์ซีซัน แต่แผน "อ๊อปชัน" ที่เลือกใช้บ่อยครั้ง เสมือนการเปิดมิติเกมรุกของทีมให้หลุดจากกรอบอนุรักษ์นิยม

เคเปอร์นิค สามารถถือบอลวิ่งตะลุยได้ระยะเป็นกอบเป็นกำ ดั่งที่เคยทำสถิติวิ่งใส่ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส 181 หลา มาแล้วในเพลย์ออฟรอบ 2 ฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเกมป้องกันของคู่แข่งถึงดูรวนไปหมด ก็ในเมื่อถ้าคีย์ไปที่ควอเตอร์แบ็ก ไนเนอร์ส ยังพลิกแพลงยัดบอลให้ แฟรงค์ กอร์ หรือ ลาไมเคิล เจมส์ ไม่ก็ขว้างสั้นให้ เวอร์นอน เดวิส เมื่อไลน์แบ็กเกอร์ดันสูงขึ้นมาอุดช่อง สบโอกาสให้พลังแขนของ เคเปอร์นิค ได้ทำงานขว้างโฮมรันให้ ไมเคิล แคร็บทรี ปีกนอกคู่ใจ และยังมี แรนดี มอสส์ ที่มือไว้ใจได้ อย่างไรก็ตาม "ทีมรับ" เรฟเวนส์ ไม่ได้มีรอยรั่วเหมือนกับเหยื่อรายที่ผ่านมาๆ อย่าง "แพ็คส์แมน" และแอตแลนตา ฟอลคอนส์ กองหน้าในระบบ 3-4 อย่าง ฮาโลติ เอ็นกาตะ กับ อาร์เธอร์ โจนส์ คู่ดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ รวมถึง เทอร์เรนซ์ โคดี โนส แท็คเกิล พร้อมทลายกำแพงป้องกันเข้าหาตัว เคเปอร์นิค ทุกเมื่อ ขณะที่กองกลางนำโดย เทอร์เรลล์ ซักก์ส และเรย์ ลูอิส ที่มีความมุ่งมั่นอยากทิ้งทวนด้วยแหวนแชมป์ แนวหลัง เอ็ด หรีด ยอดเซฟตี้คอยใช้ประสบการณ์สอดอินเทอร์เซปต์ได้ทุกเมื่อ

ทางฟาก เรฟเวนส์ "ทีมบุก" ลงตัวสุดขีด โจ แฟล็กโก ทำให้ทุกอย่างไหลลื่น ด้วยอาวุธที่พร้อมพรั่งทั้ง เดนนิส พิตตา ปีกในแห่งอนาคต อันควาน โบลดิน ปีกนอกจอมโวกำลังคึกสุดหลัง "อีกา" ฝ่าด่านยากอย่าง เดนเวอร์ บรองโกส์ และนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ มาแล้ว ทอร์เรย์ สมิธ กับ จาโคบี โจนส์ ถือเป็นเป้าทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องให้เครดิต แฟล็กโก ที่ขว้างในเพลย์ออฟไป 853 หลา 8 ทัชดาวน์ ไม่เสียแม้อินเทอร์เซปต์เดียว ถึงปาบอลคอมพลีทแค่ 54.8 เปอร์เซ็นต์ ก็ตาม เมื่อเกมบุกทางอากาศปูพรมเป็นชุดใส่คู่แข่ง ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เรย์ ไรซ์ ถึงติดเครื่องภาคพื้นดินได้สะดวกโยธิน อย่างไรก็ดี ใครที่คาดหวังเห็น แฟล็กโก ระเบิดทัชดาวน์ระยะ 59, 32 และ 70 หลา เหมือนที่ทำใส่ บรองโกส์ คงเป็นเรื่องยาก ในเมื่อ ไนเนอร์ส โดนเจาะเกินระยะ 40 หลาต่อหนึ่งเพลย์ เพียงแค่ 7 หนเท่านั้น ทีมรับซึ่งนำมาโดย แพทริค วิลลิส, อัลดอน สมิธ, จัสติน สมิธ, นาวอร์โร โบว์แมน รวมถึงพวกหลังบ้านอย่าง คาร์ลอส โรเจอร์, เดชอน โกลด์สัน และทาเรลล์ บราวน์ มีส่วนสำคัญทำให้ ไนเนอร์ส เสียแต้มน้อยสุดอันดับ 2 ของลีก เป็นรองแค่ ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส นี่จึงถือเป็นงานอันท้าทายสำหรับ แฟล็กโก กับการพาต้นสังกัดเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ต่อจากเมื่อซีซัน 2000/01

ในแต่ละขุมกำลังที่คล้ายคลึงกัน ความยอดเยี่ยมที่แตกต่างสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของเกมได้เลย โดยเฉพาะตำแหน่ง "จอมทัพ" ซึ่ง เคเปอร์นิค ประสบการณ์เพลย์ออฟน้อยกว่าก็จริง แต่เต็มไปด้วยพิษสง เอาตัวรอดได้เก่งกว่า แฟล็กโก ส่วนปัจจัยเรื่องตัวเตะไม่พูดถึงไม่ได้เช่นกัน เดวิด เอเคอร์ส คือฝันร้ายของแฟนๆ ไนเนอร์ส เตะไกลระยะเกิน 40 หลา เข้าเพียง 7 จาก 13 ครั้ง เกิน 50 หลา ไม่ต้องพูดถึง ผ่านเสาเพียง 2 จาก 6 ครั้ง ผิดกับ จัสติน ทัคเกอร์ รุคกี้เรฟเวนส์ที่เตะฟิลด์โกล 33 ลูก เพิ่งพลาดไปแค่ 3 หน จึงเสมือนเป็นสถานการณ์บีบบังคับให้ เคเปอร์นิค ต้องรุกคืบถึงเอ็นด์โซนให้ได้ ซึ่งจากศักยภาพที่จัดจ้าน โฟร์ตีไนเนอร์ส จะผ่าน "อีกาพญายม" ได้แบบสุดมัน 28-20 พร้อมกับคว้า "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" ไปครอง
หมดเวลา “แฟล็กโก”?
“เอเคอร์ส” (เบอร์ 2) เตะพลาดบ่อย
“ลูอิส” จะปิดฉากอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น