ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเผลอเพียงแป๊บเดียวแฟนกอล์ฟทวีปแอฟริกามีก้านเหล็กรุ่นใหม่ชื่อ หลุยส์ อุสต์ไฮเซน ขึ้นมาประดับวงการ กลายเป็นที่ความหวังในการตามลุ้นเชียร์จนอาจเรียกได้ว่าดีพอแทนที่ของ เออร์นีย์ เอลส์ โปรจอมเก๋าวัยใกล้ฝั่งที่อยู่ในช่วงท้ายของการเล่นอาชีพ หลังโลดแล่นและสร้างชื่อให้กอล์ฟแดนกาฬทวีปเป็นที่รู้จักในวงการสวิงโลกมาพักใหญ่
ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน โลเดวิซุส ธีโอโดรัส “หลุยส์” อุสต์ไฮเซน หรือที่รู้จักกันในชื่อสากลว่า หลุยส์ อุสต์ไฮเซน เจ้าของมือ 4 ของโลกคนปัจจุบันจากแอฟริกาใต้ก้าวขึ้นมาเล่นกอล์ฟอาชีพอย่างจริงจังด้วยดีกรีแชมป์ “เวิลด์ จูเนียร์ แชมเปียนชิพ 2000” ตั้งแต่อายุ 19 ปี ทว่าต้องยอมรับในช่วงปีแรกที่ตระเวนแข่งในซันไชน์ ทัวร์ (ทัวร์ของทวีปแอฟริกา) ยังไม่มีใครคุ้นชื่อโปรดาวรุ่งรายนี้มากนัก
ซีซันถัดมาก้านเหล็กหนุ่มจากมอสเซล เบย์ ควอลิฟายเข้าแข่งยูโรเปียน ทัวร์ และลงเล่นสลับกับ ซันไชน์ทัวร์ ที่ละแวกบ้านเกิดตั้งแต่ปี 2004 จนเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากผลงานการปรเดิมคว้าโทรฟียูโรทัวร์ “โอเพน เดอ อันดาลูเซีย” ที่สเปน ปี 2010 ต่อด้วยสัมผัสเมเจอร์แรกของตนเองกับถ้วย “คลาเรท จัก” ในเดือนกรกฏาคม ปีเดียวกัน ด้วยการทิ้งคู่แข่งอย่าง ลี เวสต์วูด โปรมือดังจากอังกฤษถึง 7 สโตรก
แม้ผลงานในปี 2011 จะเงียบลงไปซิวแชมป์เพิ่มจาก “แอฟริกา โอเพน” เพียงรายการเดียว แต่ด้วยความสม่ำเสมอทำให้ อุสต์ไฮเซน ยังคงเกาะกลุ่มหัวแถวรักษาสถานการณ์มาสร้างความฮือฮาด้วยการจบที่ตำแหน่งรองแชมป์ “เดอะ มาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนต์” หลังพ่ายต่อ บับบา วัตสัน จอมตีไกลจากเมืองลุงแซมในช่วงเพลย์ออฟ แต่เขายังได้รับการจารึกว่าเป็นเพียง 1 ใน 4 โปรกอล์ฟที่สามารถทำอัลบาทอสได้ ณ สนามออกัสตาร์
ช่วงปลายปีโปรแอฟริกันเร่งเครื่องในการแข่ง “เฟดเอ็กซ์ ซีรีส์” ของฝั่งพีจีเอ ทัวร์ กับ “เรซ ทู ดูไบ” ที่กรุงอาบู ดาบี จนไต่ขึ้นมาจบอันดับท็อป 10 ของโลกได้สำเร็จ และกราฟที่อยู่ในช่วงขาขึ้นตลอด 2-3 ปี หลังเป็นที่มาของความสำเร็จแชมป์ “วอลโว กอล์ฟ แชมเปียนชิพ” เมื่อสัปดาห์ก่อนและเป็นสะพานให้ อุสต์ไฮเซน กระโดดจากมือ 10 ขึ้นสู่มือวางอันดับ 4 ของโลกจากการจัดอันดับเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. จนถูกบรรดาสื่อต่างชาติแซวให้เป็น “คิงส์ หลุยส์” แห่งวงการกอล์ฟแอฟริกาใต้
โดย ร็อบ ลี นักวิเคราะห์ของ “สกายสปอร์ต” แสดงความเห็นว่า ก้านเหล็กรายนี้มีศักยภาพไม่น้อยไปกว่าผู้เล่นชั้นนำอย่าง ลุก โดนัลด์ และ ลี เวสต์วูด สองโปรอังกฤษ หรือแม้แต่ ไทเกอร์ วูดส์ ซูเปอร์สตาร์ก้านเหล็กมะกันด้วย “หลุยส์ แสดงออกได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เขาเป็นคนตัวเล็ก เป็นคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังอย่างแท้จริง” ทรรศนะจาก ร็อบ ลี ถึง อุสต์ไฮเซน
โปรร่างเล็กวัย 30 ปี ที่มีส่วนสูงเพียง 178 เซนติเมตร ไม่ขอหยุดเป้าหมายไต่อันดับโลกของเขาไว้เพียงเท่านี้ และมองถึงการใช้ทางลัดคว้าแชมป์เมเจอร์เพิ่มให้ได้ในปี 2013 เพื่อขึ้นไปแย่งตำแหน่งมือ 1 ของโลกกับ รอรีย์ แม็คอิลรอย โปรดาวรุ่งจากไอร์แลนด์เหนือ และเป็นการรับไม้ผลัดสานต่อความยิ่งใหญ่ของ “บิ๊กอีซีย์” เออร์นีย์ เอลส์ อย่างสมบูรณ์แบบ แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่าเป็นเรื่องยากก็ตาม
"นับว่าเป็นการออกสตาร์ทฤดูกาลที่เยี่ยมมากผมสามารถเป็นแชมป์ได้ตั้งแต่รายการแรกที่ลงแข่ง หากมีโอกาสขึ้นเป็นมือ 2 ของโลกผมคิดว่าตำแหน่งมือ 1 คงไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ รอรีย์ เป็นยอดนักกอล์ฟฝีมือเยี่ยมคะแนนเฉลี่ยนเขาห่างอันดับ 2 อยู่มาก ดังนั้นหาก ผมเอง ไทเกอร์ วูดส์ หรือ ลุก โดนัลด์ ทำผลงานดี แต่ แม็คอิลรอย ก็ตีได้ดีด้วยมันคงเป็นเรื่องยากที่จะไล่ทัน นอกจากผมพยายามซิวแชมป์เมเจอร์ให้ได้”
"และถ้าในปีนี้ผมได้แชมป์เมเจอร์มาครองสักรายการหรืออย่างมาก 2 รายการ จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวคือผมต้องพยายามซิวเมเจอร์มาให้ได้” อุสต์ไฮเซน กล่าว
จากเทิร์นโปรเมื่อปี 2002 สู่ 2012 ที่ผ่านมา “คิงส์หลุยส์” ใช้เวลา 10 ปี พิสูจน์ตัวเองให้โลกได้เห็น และวัย 30 ปี กับประสบการณ์ที่พอเพียงการขึ้นสู่ท็อป 5 ของโลกถือเป็นความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ แต่ในมุมกลับกันฤดูกาลต่อจากนี้คือจุดเริ่มความท้าทายใหม่ของว่าที่ตัวแทน “เดอะ บิ๊กอีซีย์” ในอนาคต 10 เดือนต่อจากนี้คงได้พิสูจน์อีกรอบกับคำที่ว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” จะเท็จจริงแค่ไหน
เรื่องโดย : ปภังกรณ์ นิลวรกุล