ASTV ผู้จัดการรายวัน - ถูกเรียกกลับมาติดธงทีมชาติไทยชุดทำศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคมนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับ ธีรเทพ วิโนทัย กองหน้าจากค่าย บางกอกกล๊าส เอฟซี หลังจากหลุดโผชุดรองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ถือเป็นการเกิดใหม่อีกครั้งของนักเตะที่ได้ชื่อว่ามีประสบการณ์มากที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังไทยก็ว่าได้ โดยหอกวัย 27 ปีพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองถึงก้าวที่เติบโตขึ้นกับตำแหน่งรองกัปตัน "บีจี" ฤดูกาล 2013 และคุยถึงสิ่งไม่น่าจดจำตลอดขวบปีที่ผ่านมา
ศึก ไทย พรีเมียร์ ลีก 2012 ชื่อของ ธีรเทพ นักเตะไทยที่เคยไปร่วมฝึกซ้อมกับ คริสตัล พาเลซ, เอฟเวอร์ตัน รวมถึงค้าแข้งให้ เค.ลีร์เซ ประเทศเบลเยี่ยม แทบไม่ได้ถูกเอ่ยถึงมากนักภายใต้ยูนิฟอร์ม บางกอกกล๊าส เอฟซี ซึ่งหอกหมายเลข 14 เปิดเผยว่าเป็นเพราะบทบาทที่เปลี่ยนไปตามคำสั่งโค้ชไม่ใช่ตะบี้ตะบันยิงประตูเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเล่นเพื่อทีมด้วย
"ลีซอ" ธีรเทพ กล่าวว่า “สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับผมตอนนี้คือมีภาระหน้าที่ในสนามมากขึ้น สมัยอายุ 22-23 เล่นกองหน้าเต็มตัว รอยิงประตูอย่างเดียว แต่ตอนนี้โตขึ้นมีวินัยมากขึ้น ต้องลงไปช่วยเกมรับ วิ่งไล่บอลช่วยเพื่อน มีส่วนร่วมกับทุกสถานการณ์ในสนาม ใช้แรงเยอะขึ้น เกมรุกจึงอาจจะดูไม่หวือหวาเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งตอนนี้ก็ปรับตัวได้แล้วและมั่นใจว่าสามารถรับผิดชอบสิ่งที่โค้ชต้องการได้สมบูรณ์แบบ จึงอยากจะให้มองในส่วนนี้ เพราะหลายคนไม่รู้ว่า ผมอาจจะถูกมองว่าแอ็คดูน่าหมั่นไส้ แต่อย่านำไปเหมารวม ขอให้มองผลงานในสนามเป็นหลัก”
ส่วนตัวแล้วอดีตแข้ง บีอีซี เทโรศาสน พอใจผลงานภาพรวมปี 2012 แม้ต้นสังกัด "บีจี" จะจบอันดับ 8 ไม่ได้ลุ้นฟุตบอลถ้วยรายการใดเลยและตนเองยิงได้แค่ 8 ประตู "ถ้ามองเรื่องฟอร์มการเล่นส่วนตัวในฤดูกาลที่แล้ว สำหรับผมถือว่าโอเค เพราะอย่างที่บอกไม่ได้เน้นยิงประตูอย่างเดียว ซึ่งถ้าเทียบจำนวนที่ยิงได้ก็เป็นค่าเฉลี่ยปกติที่ผมทำได้อยู่แล้ว อาจจะมากกว่าบางซีซันด้วยซ้ำ แต่ที่ผลงานของทีมออกมาไม่ค่อยดีก็เป็นเพราะหลายปัจจัย"
"ซึ่งถ้าฟอร์มตกอย่างที่หลายคนบอกจริงผมคงไม่ได้รับความไว้ใจในตำแหน่งรองกัปตันในปีนี้ โดยจะเป็นผู้ประสานงานให้กับนักเตะในทีมและสตาฟฟ์โค้ช หากกัปตันทีมอย่าง อำนาจ แก้วเขียว ไม่ได้ลงสนาม ในปีนี้มีการปรับเปลี่ยนทีมใหม่หลายจุด มีผู้เล่นย้ายเข้าและออกมากมาย ทำให้ต้องใช้เวลาปรับจูนสักระยะแต่เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา เป้าหมายของผมคือเล่นเต็มที่ ช่วยให้ทีมจบอันดับ 1-3 ในลีก หรือไม่ก็คว้าแชมป์บอลถ้วยให้ได้สักรายการ เพื่อตอบแทนเม็ดเงินที่สโมสรลงทุนไป” อดีตกองหน้ายอดเยี่ยม ไทย พรีเมียร์ ลีกปี 2008 กล่าว
ก่อนหน้านี้ชื่อของ ธีรเทพ แทบจะการันตีติดทัพทีมชาติไทยทุกชุด จนกระทั่งถูก วินฟรีด เชเฟอร์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน หั่นจากการลุยศึก ซูซูกิ คัพ 2012 เจ้าตัวผิดหวัง แต่ก็ยอมรับการตัดสินใจ “ผมติดทีมชาติมาทุกชุด จึงไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีชื่อติดทีมชุดที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย แค่ผิดหวังเล็กๆ เพราะทั้งหมดต้องแล้วแต่โค้ชเป็นคนตัดสินใจไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน ซึ่งผมคิดดูแล้วอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้เล่นตำแหน่งที่ถนัดให้กับต้นสังกัด ถูกโยกไปเล่นด้านข้างมากกว่ากองหน้า และฤดูกาลที่ผ่านมาทีมมีการโรเตชันผู้เล่นกันบ่อย จึงอาจจะดูเหมือนว่าผมได้ลงสนามน้อย”
แต่การกลับมามีโลโก้ "ช้างศึก" ที่หน้าอกอีกครั้ง "ลีซอ" กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดีใจครับ ถือเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้กลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง สำหรับผมเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ ผมพร้อมที่จะเล่นเพื่อทีมชาติตลอดเวลา แต่ครั้งนี้ก็ต้องแล้วแต่ทางโค้ชว่าจะให้โอกาสลงเล่นมากน้อยเพียงใด ซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะทำเต็มที่แน่นอน แม้ในทีมจะมีกองหน้าอยู่หลายคน แต่ผมผ่านการแข่งขันแบบนี้มาเยอะเชื่อว่าสามารถเบียดลงตัวจริงได้แน่นอน หรือจะเป็นตำแหน่งไหนก็ได้หากมันเป็นโอกาสให้เราได้ลงสนาม ส่วนรายการต่อไปอย่าง เอเชียน คัพ นั้นยังไม่ขอมองไกลถึงขนาดนั้น ขอโฟกัสตรงนี้ก่อน ทำผลงานให้ดีที่สุดตามที่โค้ชต้องการ”
ปิดท้ายด้วยเรื่องนอกสนามนอกจากกีฬาลูกหนัง "ลีซอ" ยังแบ่งเวลาให้กับวงการบันเทิง รวมถึงสนใจเรื่องความเร็ว แต่ทว่าทุกอย่างต้องมีขอบเขตและเพื่อไม่ให้กระทบกับสิ่งที่ต้องมาเป็นลำดับแรกคือนักฟุตบอลอาชีพ "ผมยังเหลือสัญญากับต้นสังกัดอีก 2 ปีและอยากจะเล่นต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ส่วนตัวจะชอบความเร็ว สนใจเรื่องรถแข่ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เต็มที่ เพราะหากพลาดบาดเจ็บขึ้นมาจะเกิดปัญหาใหญ่ จึงหันไปฝึกยิงปืนเพื่อเป็นการฝึกสมาธิแทน ส่วนงานบันเทิงต่างๆ เช่น ถ่ายแบบ หรือ โฆษณา ก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ แต่ก็มีลิมิตของตัวเองไม่ให้เยอะเกินไปและต้องไม่ชนกับเวลาซ้อม แต่ถ้าถามว่าแขวนสตั๊ดแล้วจะหันไปเอาดีเต็มตัวหรือไม่นั้น คงต้องว่ากันอีกที ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต แต่ใจจริงผมไม่อยากทิ้งวงการฟุตบอล"
ส่วนเรื่องหัวใจความสัมพันธ์กับแฟนสาว “น้องปุ๊กกี้” พิมพลอย ปัจชัยโย พิธีกรรายการ "ดาวกระจาย" ทางด้าน "ลีซอ" ทิ้งท้ายว่าทุกอย่างไปได้สวย แต่ยังไม่มีแผนแต่งงานในเร็ววันนี้ "มีความสุขดีครับคบมา 6 ปีแล้วคอยช่วยเหลือให้กำลังใจกันมาตลอด โดยเฉพาะเวลาที่ผมเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดี ก็ได้เขาคอยเตือนและอยู่เคียงข้างเสมอ ส่วนอนาคตจะมีข่าวดีเมื่อไหร่นั้นคงต้องรอให้พร้อมและเวลาเหมาะสมก่อน ตอนนี้ต่างคนต่างทุ่มเทให้กับการทำงานทั้งคู่"