xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวแรกจาก “ไทยลีก” กุญแจทวงเจ้าอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ช้างศึก” ทำผลงานได้เข้าตา
ASTVผู้จัดการรายวัน – หลังห่างหายจากแชมป์อาเซียนไปถึง 10 ปี ทีมชาติไทย กลับมาเขย่าเวทีนี้อีกครั้งด้วยผลงานชนะรวด 3 นัดรอบแบ่งกลุ่มทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012” ได้อย่างสมศักดิ์ศรีแชมป์ 3 สมัยจนสื่อประเทศเพื่อนบ้านต่างประโคมข่าวและวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะศึก ไทย พรีเมียร์ ลีก ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดจนส่งผลให้ทัพ “ช้างศึก” ดูดีขึ้นผิดหูผิดตา

การที่ศึก ไทย พรีเมียร์ ลีก ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพเต็มตัวช่วง 6-7 ปีมานี้และมีการขับเคี่ยวของสโมสรยักษ์ใหญ่ภายในประเทศอย่างเข้มข้นทุกฤดูกาล โดยแกนหลักของทีมชาติไทยภายใต้การคุมทัพของ วินฟรีด เชเฟอร์ มาจาก เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด แชมป์ไร้พ่ายปีล่าสุดอย่าง ภานุพงษ์ วงศ์ษา กัปตันทีมป้ายแดงที่คอยคุมเกมรับ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว กับ ดัสกร ทองเหลา คอยขับเคลื่อนเกมแดนกลางและ ธีรศิลป์ แดงดา ดาวซัลโวลีกคอยปิดบัญชี บวกกับ ชลทิตย์ จันทคาม, อนุชา กิจพงษ์ศรี, อดุล หละโสะ จากค่าย ชลบุรี เอฟซี และ ธีราทร บุญมาทัน จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดับเบิลแชมป์บอลถ้วย ซึ่งทุกคนล้วนเป็นกำลังสำคัญให้ต้นสังกัดทั้งสิ้น

โดย “เจ้าโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ ที่ซัดไ ป 15 ประตูประจำทัวร์นาเมนต์อาเซียนคัพได้แสดงทัศนะถึงเรื่องนี้พร้อมย้อนความถึงลีกไทยในสมัยนั้น ว่า “สมัยก่อนฟุตบอลลีกในประเทศไทยไม่เหมือนปัจจุบันนี้ โดยมีประมาณ 12 ทีมเข้าแข่งขัน แต่ตัวผู้เล่นมีเทคนิคที่ดีกว่า หลายคนที่ติดทีมชาติจึงกระจายไปหาประสบการณ์จากประเทศเพื่อนบ้านที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่า เช่น ลีก เวียดนาม สิงคโปร์ และมาเลเซีย พอกลับมารวมตัวกันก็ทำผลงานได้ดีและที่สำคัญทุกคนเล่นเข้าขากัน ผู้เล่นในทีมเป็นชุดหลักที่เล่นกันมานาน เพราะในยุคที่ ปีเตอร์ วิธ เป็นกุนซือไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบและตัวผู้เล่นมากนักจึงทำให้เกิดความต่อเนื่อง แต่หลังจากหมดยุคพวกผมก็เหมือนกับการผลัดใบ ซึ่งหลายปีหลังที่ผ่านมานี้ ทีมชาติมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยทั้งโค้ชและตัวผู้เล่นผลงานจึงไม่ต่อเนื่อง แม้ฟุตบอลลีกในประเทศจะเริ่มเติบโตขึ้นก็ตาม เพราะความสามารถของผู้เล่นยังสู้สมัยก่อนไม่ได้”

“แต่ ณ ปัจจุบัน ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว ฟุตบอลลีกประเทศไทยเป็นมืออาชีพมากขึ้น ดีที่สุดในอาเซียนตอนนี้ก็ว่าได้ มีการพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา นักเตะมีเกมให้เล่นตลอดเพื่อความฟิต ส่งผลให้ลีกช่วยประคับประคองทีมชาติมากขึ้น นักเตะในทีมก็เริ่มนิ่งมากขึ้นมีผู้เล่นแกนหลักที่แน่นอน และมีประสบการณ์มากขึ้น นักเตะอย่าง ธีรศิลป์,พิชิตพงษ์ หรือ ธีราทร ต่างก็กำลังอยู่ในช่วงพีคและทำผลงานได้ดีต่อเนื่องแต่อาจต้องใช้เวลาอีกหน่อยเพื่อความลงตัว เราอย่าไปมองแค่ว่าสามารถเอาชนะทีมในอาเซียนได้ แต่ต้องมองภาพรวมของทีมทั้งหมด และที่สำคัญสมาคมฟุตบอลฯและภาครัฐควรจะช่วยสนับสนุนอย่างจริงจังมากกว่านี้” กองหน้าชุดแชมป์ปี 2002 ที่ ต่อเวลาชนะ อินโดนีเซีย นัดชิงชนะเลิศ 4-2 สมัยยังเป็นชื่อ “ไทเกอร์ คัพ” กล่าว

ด้าน “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล เทรนเนอร์มากประสบการณ์ของสโมสร ชลบุรี เอฟซี กล่าวเสริมถึงประเด็นที่ว่าผลงานทีมชาติจะดีต้องมาจากลีกภายในประเทศที่แข็งแกร่งเสียก่อน “เป็นเรื่องจริงที่ฟุตบอลทีมชาติจะพัฒนาได้ต้องเริ่มจากการพัฒนาฟุตบอลลีกในประเทศเสียก่อน สมัยก่อนที่ทีมชาติสามารถทำผลงานได้ดีเป็นเพราะนักเตะส่วนใหญ่มีเวลาให้กับทีมชาติมากกว่าปัจจุบัน มีการเก็บตัวและฝึกซ้อมที่มากกว่า แต่เราต้องเปลี่ยนแปลงตามระบบฟุตบอลอาชีพ เราต้องมีการปรับตัว นักเตะเองต้องมีความรับผิดชอบในระดับสโมสร และสโมสรเองก็ต้องพัฒนาให้มากขึ้นตามไปด้วย ผมเชื่อว่าถ้ายังเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานเราก็จะสามารถเทียบได้กับทีมชั้นนำ”

อีกหนึ่งบุคคลที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ เชเฟอร์ ทั้งที่มีเวลาเตรียมทีมไม่ถึง 1 เดือนและโปรแกรมอุ่นเครื่อง 3 นัดที่ค่อนข้างกระชั้นชิด แต่ด้วยความตั้งใจทำงานและตระเวนดูฟอร์มของนักเตะ ไทย พรีเมียร์ ลีก แทบทุกสัปดาห์ จนทำให้ “ช้างศึก” ชุดนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่จากสโมสระดับกลางไปจนถึงล่างอย่าง อภิภู สุนทรพนาเวศ (โอสถสภาฯ), ประหยัด บุญญา (ราชบุรี เอฟซี), ชนาธิป สรงกระสินธุ์ (บีอีซี เทโรศาสน) เข้ามาเป็นตัวเลือกและทุกคนก็โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ

ล่าสุด เชเฟอร์ เพิ่งเหินฟ้ากลับจากประเทศมาเลเซียเพื่อดูฟอร์มเจ้าภาพร่วมจากนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่ง “เสือเหลือง” เป็นคู่ต่อกรด่านต่อไปโดยจะไปเยือนก่อนวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ณ บูกิต จาลิล เนชันแนล สเตเดียม ก่อนกลับมาเตะที่บ้านวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ด้วยการทุ่มเททำงานสไตล์ชาวเยอรมันที่ค่อนข้างเน้นระบบทีมเวิร์กเป็นหลัก ส่งผลและเป็นแรงกดดันถึง วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ต้องคอยสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมอุ่นเครื่องต่างๆ รวมถึงก่อนหน้านี้ที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมจัดโปรแกรมไทยลีกให้ตรงกับปฎิทิน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เพื่อจะได้วางแผนทำงานกับทีมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบางทีเราอาจจะต้องการกุนซือสไตล์แบบนี้มากกว่าที่จะเป็นประตูไขไปสู่ความสำเร็จก็เป็นได้
“โย่ง” เชื่อลีกไทยดีสุดในอาเซียน
“โค้ชเฮง” แนะสโมสรต้องพัฒนา
เชเฟอร์ ทำงานอย่างหนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น