ASTV ผู้จัดการรายวัน - ฟุตบอลทีมชาติไทย ห่างหายจากเกียรติยศแชมป์อาเซียนมาแล้ว 1 ทศวรรษ หลายคนคงลืมช่วงเวลาหอมหวานที่เอาชนะจุดโทษ อินโดนีเซีย นัดชิงชนะเลิศครั้งชื่อ “ไทเกอร์ คัพ” เมื่อปี 2002 ไปแล้ว โดยระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน-22 ธันวาคมนี้ ไทย ได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับ มาเลเซีย ภายใต้ชื่อ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012” เป็นภารกิจสำคัญภายใต้การคุมทัพของ วินฟรีด เชเฟอร์ ที่ต้องแบกความหวังกู้ศรัทธาคืนมาให้ได้และแน่นอนว่า อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงศึก ซีเกมส์ ที่กำลังมาถึงปลายปี 2013 อีกด้วย
ไทย ดีกรีอดีตแชมป์ 3 สมัยปี 1996, 2000 และ 2002 แต่ด้วยฟอร์มปัจจุบันจนอันดับโลกดำดิ่ง 152 จึงถึงเวลาต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่ายังเป็นที่ 1 แถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือไม่ ครั้งที่ 9 นี้ถูกวางให้อยู่กลุ่ม เอ ประเดิมพบ ฟิลิปปินส์ วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน, พม่า 27 พ.ย.และ เวียดนาม 30 พ.ย.เตะเวลาเดียวกันทั้งหมด 20.00 น.ที่สนามราชมังคลากีฬสสถาน
ด้วยผลงานอุ่นเครื่องชนะรวดเหนือ มาเลเซีย 2-0 และ ภูฏาน กับ บังกลาเทศ สกอร์เดียวกัน 5-0 หลายคนมองว่า ไทย น่าจะผ่านรอบแรกได้ไม่ยาก โดย เชเฟอร์ เฮดโค้ชชาวเยอรมัน ที่มีปัญหาเรื่องความฟิตของผู้เล่นหลายรายน่าจะไม่ประมาทประเดิมด้วยระบบ 4-4-1-1 ซึ่ง 11 ตัวผู้เล่นที่เรียกมาเก็บตัวก่อนหน้านี้ไม่น่าจะคลาดเคลื่อนจากนี้มากนัก สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เฝ้าเสา แบ็กโฟร์ ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ กับ ภานุพงศ์ วงศ์ษา โดยมี นิเวศน์ ศิริวงศ์ ตัวเก๋าคอยสแตนด์บาย แบ็กซ้าย-ขวา ธีราทร บุญมาทัน และ ชลทิตย์ จันทคาม ตามลำดับจะยึดตัวจริงแน่นอน ส่วนริมเส้นมีตัวเลือกมากมาย ทั้ง อนุชา กิจพงษ์ศรี, อาทิตย์ สุนทรพิธ, สมปอง สอเหลบ, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ จักรพันธ์ พรใส
แดนกลางเป็น อดุล หละโสะ และ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว 2 ห้องเครื่องมากประสบการณ์คอยคุมและตัดเกม โดยมี ดัสกร ทองเหลา เป็นเพลย์เมกเกอร์บงการเกมหลังหน้าเป้า ธีรศิลป์ แดงดา เพชรฆาตอันดับ1แต่ทั้งนี้ยังสามารถยืดหยุ่นเป็นระบบ 3-5-2 พร้อมส่ง กีรติ เขียวสมบัติ ลงมาคู่ “เจ้ามุ้ย” ถ้าสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ หรือ พิภพ อ่อนโม้
วินฟรีด เชเฟอร์ กล่าวว่า “ทีมที่เข้าแข่งครั้งนี้แข็งแกร่งทุกทีม ผมและทีมงานไปดูฟอร์มการเล่นของหลายๆ ทีมแล้ว เราไม่สามารถประมาทได้เลย และที่สำคัญ ทุกทีมมีการเตรียมการล่วงหน้ามาหลายเดือน ซึ่งต่างกับเราที่มาเร่งในช่วงท้ายก่อนการแข่งขัน แต่ไม่ว่าอย่างไรผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ต้องพาทีมชาติไทยทะลุถึงรอบชิงฯและคว้าแชมป์มาให้ได้ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเรามีศักยภาพที่ดีพอกว่าทุกทีมในอาเซียน”
แน่นอนรู้เขาก็ต้องรู้เราเหลือบมองคู่แข่งร่วมสาย ฟิลิปปินส์ คุมโดย มิชาเอล ไวส์ กุนซือมากประสบการณ์ชาวเยอรมัน ยังมีผู้เล่นโอนสัญชาติเกือบครึ่งทีมไว้ใช้งาน นำโดยอดีตกองหน้า ฮันโนเวอร์ คือ เดนิส โวล์ฟส์ พร้อมด้วย 2 พี่น้อง เจมส์ และ ฟิล ยังฮัสแบนด์ อดีตเด็กปั้นของ เชลซี เจ้าของสถิติติดทีมชาติ 40 นัด ซัดไป 27 ประตู ด้าน เวียดนาม อดีตแชมป์ปี 2008 ปัจจุบัน “วี-ลีก” ยกระดับขึ้นมาจนส่งผลดีกับทีมชาติที่คุมโดย ฟาน ทาน ฮุง มีผู้เล่นที่ประมาทไม่ได้อย่าง เล คอง วินห์ ซูเปอร์สตาร์ดัง พร้อมด้วย เหงียน มินดึก และเหงียน นา 2 กำลังสำคัญ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตดาวยิงทีมชาติไทย ที่เคยไปค้าแข้งกับทีมฮอง อันห์ ยาลาย ซูฮกเรื่องระบบการจัดการภายในที่ทำให้วงการลูกหนังเหงี่ยนก้าวกระโดดมาแล้ว ส่วน พม่า นั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะผ่านได้
ฟากสาย บี มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และ ลาว “เสือเหลือง” ในฐานะแชมป์เก่าและเจ้าภาพร่วม เป็นตัวเต็งสำคัญในการแย่งแชมป์ แม้ลูกทีมของ ดาโต๊ะ คริสนาซาห์มี ราชโคปาล จะโดนไทยเผาเครื่อง 2-0 แต่วัดอะไรไม่ได้เมื่อทัวร์นาเมนต์เปิดฉาก พวกเขาเคยอุ่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี และ อาร์เซนอล รวมถึงการเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศออสเตรีย โดยศึกครั้งนี้มี ซาฟิอี ซาลิ ดาวซัลโว 5 ประตูจากครั้งก่อนเป็นแกนนำ
อีกทีมที่น่ากลัวไม่แพ้กัน อินโดนีเซีย รองแชมป์เก่า แม้จะไร้ชื่อ ติตัส โบไน ดาวยิงตัวเก่งที่เคยโหม่งประตูเขี่ยไทยตกรอบแรกศึก ซีเกมส์ ครั้งล่าสุดปี 2011 และ ฟิร์มัน อูตินา ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ที่แล้ว แต่ยังมี บัมบัง ปามุงกัส ดาวยิงตัวเก๋าวัย 32 ปี และ เออร์ฟาน บาชดิม ตัวริมเส้น รวมถึง อาเธอร์ อิราวาน ปราการหลังทีม เอสปันญอล ชุดสำรอง ในลีกสเปน และ จอห์นนี แวน บิวเคอร์ริง กองหน้าชาวฮอลแลนด์ที่โอนสัญชาติ
ปิดท้ายด้วย สิงคโปร์ แชมป์ 3 สมัย 1998, 2004 และ 2007 ประมาทไม่ได้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแซงไทยคว้าแชมป์สมัยที่ 4 และประสบการณ์ของ ราด็อจโก อัฟราโมวิช กุนซือชาวเซอร์เบีย ที่เคยฝากแผลใหญ่ปราบทีมไทยในรอบชิงฯซิวแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2007 แม้ว่าครั้งนี้จะใช้ผู้เล่นดาวรุ่งเป็นส่วนมาก แต่ในแดนหน้ายังมีความเก๋าของ อเล็กซานดาร์ ดูริค ดาวยิงโอนสัญชาติวัย 42ปี และ คาห์อิรูล อัมริ คอยประคอง
